<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

‘ทรัมป์’ มาแล้ว! มัดรวมนโยบายของปธน.คนใหม่ ที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงโลกคริปโตไปตลอดกาล

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

เมื่อ โดนัลด์ ทรัมป์ ก้าวขึ้นสู่ทำเนียบขาวอีกหนึ่งสมัย หลังประกาศชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2024 โลกคริปโตแทบจะสะเทือนเมื่อทุกคนต้องเตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของนโยบาย Bitcoin และคริปโตที่อาจเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล

การกลับมาของทรัมป์จะมาพร้อมแผนการสุดอลังการ ที่จะปฏิวัติกฎระเบียบคริปโตอย่างไม่เคยมีมาก่อน ตั้งแต่การปลดประธาน SEC อย่าง แกรี เกนสเลอร์ ไปจนถึงการจัดตั้งทุนสำรอง Bitcoin แห่งชาติ การเคลื่อนไหวครั้งนี้ได้จุดประกายการถกเถียงอย่างร้อนแรงในหมู่นักลงทุนที่คาดหวังให้มีรัฐบาลที่สนับสนุนคริปโต ในขณะเดียวกัน คนอีกกลุ่มที่ตั้งคำถามว่านโยบายของทรัมป์จะทำได้จริงหรือไม่

คำมั่นสัญญาของ Donalad Trump

หนึ่งในแผนการที่หลายคนรอคอยและเต็มไปด้วยความคาดหวังจาก ‘ทรัมป์’ คือคำมั่นที่จะปลดแกรี เกนสเลอร์ ประธาน SEC คนปัจจุบันออกจากตำแหน่ง “ในวันแรก” ที่ทรัมป์ได้เข้ารับตำแหน่ง ซึ่งนโยบายนี้เรียกได้ว่าเป็นข่าวดีที่ชาวคริปโตต่างตั้งหน้าตั้งตารอคอยกันอย่างใจจดใจจ่อ 

ภายใต้การบริหารของ แกรี เกนสเลอร์ SEC ได้บังคับใช้กฎเกณฑ์กว่า 130 ครั้งกับโปรเจกต์คริปโตหลายแห่ง ตั้งแต่บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Coinbase, ConsenSys, Immutable และอีกมากมาย ซึ่งการบังคับใช้เหล่านี้ไม่เพียงแต่สร้างแรงกดดัน แต่ยังเพิ่มความลำบากในการบริหารธุรกิจในวงการคริปโต จนผู้ประกอบการต่างเฝ้ารอการปรับทิศทางใหม่ที่จะสร้างโอกาสและความชัดเจนให้กับอนาคตของสินทรัพย์ดิจิทัลในสหรัฐฯ

ผู้สนับสนุนของ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ให้เหตุผลว่า การปลด แกรี่ เกนสเลอร์ อาจเปิดยุคใหม่ของนโยบายที่ชัดเจนและเป็นมิตรกับคริปโตมากขึ้น ซึ่งจะช่วยดึงดูดนวัตกรรมและการลงทุนกลับสู่สหรัฐฯ

หากทรัมป์ทำตามที่สัญญาไว้ การปลดเกนสเลอร์อาจนำไปสู่การปรับนโยบายใหม่ได้ “Trader T” นักวิเคราะห์คริปโตชื่อดัง ได้แสดงความคาดหวังผ่านแพลตฟอร์ม X โดยกล่าวว่า “ไล่แกรี เกนสเลอร์ ออก (ตั้งแต่วันแรก)”

อิสรภาพของ Ross Ulbricht: ประเด็นที่แบ่งแยกแต่ได้รับความนิยม

ที่มา: Donald J. Trump Truth Social

ทรัมป์ยังได้ให้คำมั่นว่าจะลดโทษของ Ross Ulbricht ผู้ก่อตั้ง Silk Road ซึ่งกำลังรับโทษจำคุกตลอดชีวิต คดีของ Ulbricht เป็นประเด็นที่ทำให้เกิดความเห็นที่แตกต่างกันในสังคมมาอย่างยาวนาน โดยความเห็นแตกออกเป็น 2 ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งมองว่าโทษที่เขาได้รับนั้นมากเกินไป ในขณะที่อีกฝ่ายเห็นว่าเป็นโทษที่เขาได้รับนั้น เหมาะสมแล้ว สำหรับบทบาทในการส่งเสริมการค้าที่ผิดกฎหมายออนไลน์

การปล่อยตัว Ulbricht อาจส่งผลต่อมุมมองของวงการคริปโตในกรุงวอชิงตัน ข้อเสนอที่จะปล่อยตัวเขาได้กระตุ้นปฏิกิริยาอย่างรุนแรง โดยบางคนมองว่าเป็นการเคลื่อนไหวเพื่อความยุติธรรมแก่ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของการใช้อำนาจเกินขอบเขต ในขณะที่บางคนเกรงว่า การลดโทษอาจทำให้ภาพลักษณ์ของวงการคริปโตซับซ้อนขึ้นในสายตาของหน่วยงานกำกับดูแลการเงินกระแสหลัก

Donald Trump’s Support For National Bitcoin Reserve and U.S. Mining

การสนับสนุนของ โดนัลด์ ทรัมป์ ต่อกองทุนสำรอง Bitcoin แห่งชาติและเหมืองขุดในสหรัฐฯ

ข้อเสนอของทรัมป์ในการจัดตั้ง “ทุนสำรอง Bitcoin แห่งชาติ” สอดคล้องกับกฎหมายที่สนับสนุนคริปโตที่เพิ่งเสนอโดยวุฒิสมาชิกสหรัฐฯ ซินเทีย ลัมมิส โดยเธอสนับสนุนให้รัฐบาลเก็บ Bitcoin ที่ถูกยึดไว้แทนที่จะขายทิ้ง

นโยบายนี้อาจส่งผลให้เกิดการสะสมทุนสำรอง Bitcoin เชิงกลยุทธ์ ซึ่งผู้สนับสนุนบางส่วนมองว่าอาจช่วยเสริมความแข็งแกร่งของดอลลาร์ หรือส่งเสริมให้สหรัฐฯ มีเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงในยามเศรษฐกิจตกต่ำ ในระยะยาว

แผนการขุด Bitcoin ที่เหลือทั้งหมดในสหรัฐฯ (MADE IN THE USA) ของทรัมป์มีเป้าหมายเพื่อดึงดูดนักขุด Bitcoin เข้าสู่ประเทศ โดยเน้นการปฏิบัติที่ยั่งยืน เสียงจากอุตสาหกรรมระบุว่าการสนับสนุนที่ชัดเจนจากทำเนียบขาวอาจผลักดันให้สหรัฐฯ เป็นผู้นำด้านการขุดคริปโต ซึ่งจะดึงดูดนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ต่อต้าน CBDC เพิ่มสิทธิในการดูแลสินทรัพย์ด้วยตนเอง

การต่อต้านของ โดนัลด์ ทรัมป์ ต่อ CBDC หรือ สกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง สะท้อนให้เห็นถึงจุดยืนอนุรักษ์นิยมเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวทางการเงิน เขาให้คำมั่นว่าจะสกัดกั้นการพัฒนา CBDC ของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นท่าทีที่ชาวคริปโตยกย่อง โดยมองว่า CBDC อาจเป็นการใช้อำนาจของรัฐบาลเกินขอบเขต

แทนที่จะสนับสนุน CBDCs ทรัมป์เสนอ “สิทธิในการดูแลสินทรัพย์ด้วยตนเอง” ให้กับชาวอเมริกัน โดยเน้นถึงเสรีภาพในการควบคุมสินทรัพย์ดิจิทัลของตนเองโดยไม่ต้องพึ่งพากระดานเทรดแบบรวมศูนย์

โดยสรุปแล้ว แผนการคริปโตของทรัมป์อาจเป็นตัวเปลี่ยนเกมที่พลิกบทบาทของสหรัฐฯ ในโลกการเงินดิจิทัล โดยสร้างสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยโอกาสและการสนับสนุนต่อการสร้างนวัตกรรมอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ด้วยคำมั่นอันหนักแน่นและเปี่ยมไปด้วยพลัง ชุมชนคริปโตทั่วโลกต่างจับตามองและตั้งตารอคอยก้าวต่อไปของรัฐบาลภายใต้การนำของทรัมป์ ว่าจะพลิกโฉมวงการไปในทิศทางใด

ที่มา:thecoinrepublic