ดูเหมือนว่ากระบวนการล้มละลายของ FTX จะยังคงดำเนินการฟ้องร้องต่อบริษัทคริปโตเคอร์เรนซีต่างๆ อย่างต่อเนื่อง หลังล่าสุดบริษัทได้ยื่นฟ้อง Binance และผู้บริหาร Changpeng “CZ” Zhao พร้อมเรียกร้องเงินมูลค่ากว่า 1.8 พันล้านดอลลาร์
เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทาง FTX ได้ฟ้องร้อง Binance และผู้บริหารว่าพวกเขาได้รับทรัพย์สินคริปโตมูลค่าประมาณ 1.76 พันล้านดอลลาร์ในการโอนที่เป็นการฉ้อโกง ซึ่งเกิดขึ้นจากข้อตกลงการซื้อหุ้นคืนในเดือนกรกฎาคม 2021 โดย Sam Bankman-Fried ผู้ร่วมก่อตั้ง FTX ที่ขณะนี้กำลังรับโทษจำคุก 25 ปี ขายหุ้นของ FTX International ราว 20% และ FTX US ประมาณ 18.4% โดยใช้โทเคน FTX (FTT) และโทเคนของ Binance (BNB และ BUSD) เป็นหลักประกันในการชำระ
FTX ระบุว่า ข้อตกลงการซื้อหุ้นคืนดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่ FTX และ Alameda Research ขาดสภาพคล่องตั้งแต่ต้นปี 2021 ทำให้ดีลดังกล่าวเป็นการฉ้อโกง นอกจากนี้ยังกล่าวหาว่า Zhao วางแผน “ทำลาย FTX” โดยสร้างความไม่เชื่อมั่น (FUD) เป็นเวลาหลายเดือนในปี 2022 เพื่อบ่อนทำลายคู่แข่ง
การฟ้องร้องระบุว่า การที่ Binance เทขาย FTT ก่อนการล่มสลายของ FTX ในเดือนพฤศจิกายน 2022 เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการทำลาย FTX และเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดของตน พร้อมกล่าวหาว่าการกระทำของ Zhao ไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบต่อตลาดตามที่เขาอ้าง แต่ตั้งใจทำให้ราคา FTT ร่วงและทำลาย FTX ขณะเดียวกันก็เสริมความแข็งแกร่งให้กับ Binance
นอกจากนี้ Zhao และ Binance ยังถูกกล่าวหาว่าการแถลงเรื่องการซื้อ FTX เพื่อแสดงความสนใจซึ่งเป็นการหลอกลวงเพื่อขัดขวาง FTX จากการหาแหล่งเงินทุนทางเลือก ก่อนที่ท้ายที่สุดเป็นการทำร้าย FTX และเจ้าหนี้ของบริษัท
คดีดังกล่าวเป็นหนึ่งในหลายคดีที่ FTX ยื่นฟ้องหลังการล้มละลาย โดยก่อนหน้านี้มีการฟ้องร้อง SkyBridge Capital และ Anthony Scaramucci เพื่อเรียกคืนเงินกว่า 100 ล้านดอลลาร์ และคดีฟ้อง KuCoin เพื่อเรียกคืนทรัพย์สินมูลค่ากว่า 50 ล้านดอลลาร์ในเดือนตุลาคม
ที่มา: Cointelegraph
ภาพ: Financial time