Bitcoin (BTC) ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ทำลายสถิติสูงสุดตลอดกาลไปแล้วหลายครั้ง ขณะที่เขียนบทความนี้ ราคา Bitcoin มีการซื้อขายอยู่ที่ 87,435.20 ดอลลาร์ ลดลงกว่า 0.85% ภายใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม แม้ตลาดจะคาดหวังให้ราคา Bitcoin จะพุ่งแตะระดับ 90,000 ดอลลาร์ ได้ในเร็ว ๆ นี้ แต่มีสัญญาณบางประการที่ชี้ให้เห็นว่าเป้าหมายดังกล่าวอาจยังคงอยู่ไกลกว่าที่หลายคนคาด การวิเคราะห์นี้จะพาไปเจาะลึกถึง 2 ปัจจัยสำคัญ ที่อาจชะลอหรือขัดขวางการเติบโตของ Bitcoin ในระยะสั้น
Bitcoin ส่ง สัญญาณเตือน
ปริมาณสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของ Bitcoin พุ่งสูง (open interest) เป็นปัจจัยสำคัญที่อาจขัดขวางไม่ให้ราคา Bitcoin พุ่งแตะระดับ 90,000 ดอลลาร์ในระยะสั้น ตามข้อมูลจาก CryptoQuant แสดงให้เห็นว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดฟิวเจอร์ส มีสัญญาเปิด (open positions) เพิ่มขึ้นกว่า 16,000 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ความสนใจopen interest ของ BTC อยู่ที่ 25,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2022 แม้จะเป็นสัญญาณบวกในช่วงราคาขาขึ้น แต่หากราคาเพิ่มขึ้นเร็วเกินไป อาจนำไปสู่ความไม่มั่นคงได้
ปริมาณสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Open Interest) คือจำนวนสัญญาที่ยังคงเปิดอยู่ (ออปชั่นและฟิวเจอร์ส) ในช่วงเวลาที่ราคา Bitcoin พุ่งสูงขึ้น ซึ่งปริมาณสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นสัญญาณขาขึ้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อราคาของสินทรัพย์เพิ่มขึ้นเร็วเกินไป ปริมาณสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่สูงอาจส่งสัญญาณถึงความไม่มั่นคงที่อาจเกิดขึ้นตามมา
ปริมาณสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Open Interest) ของ Bitcoin แหล่งที่มา: CryptoQuant
ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคา Bitcoin ได้พุ่งขึ้นถึง 25% ควบคู่ไปกับปริมาณสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก แสดงให้เห็นว่านักลงทุนจำนวนมากกำลังใช้ เลเวอเรจ หรือเงินกู้ยืมในการลงทุน
อย่างไรก็ตาม การใช้เลเวอเรจสูงเหล่านี้อาจทำให้ตลาดตกอยู่ในความเสี่ยง หากราคาของ Bitcoin ลดลง แม้เพียงเล็กน้อย อาจเกิดผลกระทบเป็นลูกโซ่ เพราะนักเทรดที่ถือครองเลเวอเรจสูงจะถูกบังคับให้ปิด Position เพื่อหลีกเลี่ยงการขาดทุน ซึ่งออเดอร์ขายที่เกิดขึ้นจำนวนมาก อาจกดดันให้ราคาลดลงต่อเนื่อง และส่งผลให้เกิดการล้างพอร์ตเพิ่มเติมในวงกว้าง
นอกจากนี้ อัตรา funding rate ของ BTC ยังอยู่ที่ 0.015% ซึ่งเป็นอัตราที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมีนาคม นับตั้งแต่ที่ BT เผชิญกับการปรับฐานครั้งใหญ่ ซึ่งสิ่งนี้ก็ถือเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่อาจกดดันทำให้ราคาอยู่ต่ำกว่า 90,000 ดอลลาร์ในระยะสั้น
อัตรา Funding Rate ของ Bitcoin แหล่งที่มา: CryptoQuant
ในตลาดฟิวเจอร์ส อัตรา Funding Rate คือค่าธรรมเนียมที่จ่ายเป็นระยะ ระหว่างนักเทรดที่ถือ positions Long และ Short เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างทั้งสอง positions
อย่างไรก็ตาม เมื่ออัตรา Funding Rate พุ่งสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยทั่วไปแล้วมักจะเป็นการส่งสัญญาณว่าฝ่ายซื้อในตลาดมีความโดดเด่นอย่างมาก นี่ถือเป็นสัญญาณขาลงที่มักจะเกิดขึ้นก่อนการปรับตัวลงของราคา
การคาดการณ์ราคา BTC : Bitcoin ถูกซื้อมากเกินไป
เมื่อ positions Long มีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น นักเทรดบางคนอาจเริ่มปิด positions ของตน เพื่อหลีกเลี่ยงอัตรา Funding Rate ที่สูง ซึ่งอาจกดดันราคา Bitcoin ให้ลดลงตามมา
นอกจากนี้ หากราคาสินทรัพย์เริ่มลดลง positions Long ที่มีเลเวอเรจสูง ก็มีความเสี่ยงต่อการล้าง positions ซึ่งอาจสร้างผลกระทบแบบโดมิโนที่สามารถนำไปสู่การลดลงอย่างรวดเร็วของราคาได้
ดัชนีความแข็งแกร่งสัมพัทธ์ Relative Strength Index (RSI) ของบิทคอยน์ ยืนยันแนวโน้มขาลงดังกล่าวข้างต้น โดยปัจจุบัน RSI อยู่ที่ 74.83 ซึ่งบ่งชี้ว่า Bitcoin อยู่ในภาวะซื้อมากเกินไป และอาจเกิดการปรับฐานในเร็ว ๆ นี้
ตัวชี้วัด RSI จะทำหน้าที่วัดสภาวะตลาดของสินทรัพย์ที่มีการซื้อมากเกินไปและขายมากเกินไป โดยมีค่าตั้งแต่ 0 ถึง 100 โดยค่าที่สูงกว่า 70 จะบ่งชี้ว่า สินทรัพย์ดังกล่าวมีการซื้อมากเกินไปและกำลังจะปรับฐาน
ในทางกลับกัน หากค่า RSI ที่ต่ำกว่า 30 บ่งชี้ว่า สินทรัพย์ดังกล่าวมีการขายมากเกินไปและอาจมีแนวโน้มฟื้นตัว
การวิเคราะห์ราคา Bitcoin แหล่งที่มา: TradingView
หากปัจจัยเหล่านี้เป็นจริง และบิทคอยน์อาจเกิดการปรับฐานชั่วคราว โดยราคา Bitcoin อาจร่วงลงสู่ระดับ 81,215 ดอลลาร์ และหากไม่สามารถรักษาระดับนี้ได้ ราคา Bitcoin อาจร่วงลงต่อไปถึง 74,340 ดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม หากแรงซื้อเพิ่มขึ้น ราคา Bitcoin อาจพุ่งกลับไปแตะจุดสูงสุดตลอดกาลที่ 89,972 ดอลลาร์ และราคาอาจพุ่งทะลุขึ้นไปสู่ระดับ 90,000 ดอลลาร์ได้ในที่สุด
บทวิเคราะห์นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น ไม่ถือเป็นคำแนะนำทางการเงินหรือการลงทุน ผู้อ่านควรทำการวิจัยด้วยตนเองและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจลงทุนใดๆ
ที่มา : beincrypto