<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ผู้ร่วมก่อตั้งสถาบันวิจัย Think Tank กล่าว กองทุนสำรอง Bitcoin จะไม่ช่วยแก้ไขวิกฤตหนี้ของสหรัฐฯ 

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

อาวิก รอย (Avik Roy) ประธานของมูลนิธิวิจัยเพื่อโอกาสที่เท่าเทียม (Foundation for Research on Equal Opportunity) กล่าวว่า ข้อเสนอของวุฒิสมาชิกซินเธีย ลัมมิส (Cynthia Lummis) ที่ว่า Bitcoin จะสามารถขจัดหนี้สินของรัฐบาลกลางได้นั้นเป็นการ “กล่าวเกินจริง”

วุฒิสมาชิกสหรัฐฯ Cynthia Lummis จากรัฐไวโอมิง เสนอแผนจัดตั้งกองทุนสำรอง Bitcoin เพื่อแก้ปัญหาวิกฤตหนี้ของประเทศที่พุ่งสูงถึง 35 ล้านล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม Avik Roy แสดงความเห็นว่า แนวคิดนี้ไม่เพียงพอที่จะจัดการกับปัญหาหนี้สินดังกล่าวได้

Avik Roy ประธานกลุ่มนักวิจัยที่ไม่แสวงหากำไร กล่าวบนเวทีในงานการประชุม North American Blockchain Summit 2024 ที่ Dallas รัฐเท็กซัส เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ว่า

“เมื่อวุฒิสมาชิก Cynthia Lummis พูดถึงการใช้กองทุนสำรอง Bitcoin เพื่อขจัดหนี้สินของรัฐบาลกลาง นั่นคือ การกล่าวเกินจริงถึงสิ่งที่ Bitcoin สามารถทำได้” 

Avik Roy ชี้ให้เห็นว่า การที่สหรัฐฯ ซื้อ Bitcoin ในปริมาณมหาศาล และหวังว่า ราคา Bitcoin จะเพิ่มขึ้นอาจช่วยได้ในบางส่วน แต่ยังคงไม่สามารถตามทันวิกฤตหนี้มูลค่า 35.46 ล้านล้านดอลลาร์ ที่เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดตั้งแต่ทศวรรษ 1980 ได้ 

“กองทุนสำรอง Bitcoin ถือเป็นแนวทางที่ดี แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาทั้งหมดได้ เราจำเป็นต้องปฏิรูปงบประมาณอย่างแท้จริง เพื่อหยุดการขาดดุลของรัฐบาลกลางมูลค่ากว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี”

Avik Roy (ซ้าย) พูดที่การประชุม NAB Summit 2024 เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ที่มา : Cointelegraph

แม้ Bitcoin จะไม่สามารถแก้ปัญหาหนี้สินได้ทั้งหมด แต่ Avik Roy กล่าวว่า มันอาจช่วยลดความตึงเครียดในตลาดพันธบัตร โดยช่วยสร้างความมั่นใจว่า ดอลลาร์สหรัฐฯ จะไม่ล่มสลาย

“อย่างน้อย เรามีศักยภาพในการหนุนหลังเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ด้วย Bitcoin มากเพียงพอ จนทำให้ตลาดพันธบัตรรู้สึกว่าสหรัฐฯ ไม่ได้กำลังจะล้มละลาย”

อย่างไรก็ตาม Avik Roy แสดงความกังวลว่า หากมีการจัดตั้งกองทุนสำรอง Bitcoin ขึ้นจริง สหรัฐฯ อาจใช้สำรองดังกล่าวหมดไป เช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นกับทองคำในช่วงทศวรรษ 1970

ข้อมูลจากกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุว่า หนี้สินของประเทศ เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 5.3% ตั้งแต่ปี 1981 โดยเพิ่มจาก 3.81 ล้านล้านดอลลาร์ ไปเป็น 35.46 ล้านล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน

การเปลี่ยนแปลงของหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ ในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา แหล่งที่มา: ข้อมูลการคลังของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ

ทั้งนี้ Cynthia Lummis ได้นำเสนอร่างกฎหมาย Bitcoin Act ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯ ซื้อ Bitcoin จำนวน 1 ล้าน BTC หรือคิดเป็น 5% ของจำนวน Bitcoin ทั้งหมด และเก็บรักษาไว้เป็นเวลาอย่างน้อย 20 ปี

นอกจากนี้ Cynthia Lummis วุฒิสมาชิกสหรัฐฯรัฐไวโอมิง ยังเรียกร้องให้กระทรวงการคลังของสหรัฐฯ เปลี่ยนทองคำสำรอง ที่ตนถือครองจำนวน 8,000 ตัน ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 448,000 ล้านดอลลาร์ ให้เป็นกองทุนสำรอง Bitcoin เชิงกลยุทธ์ที่เสนอไว้

ในขณะเดียวโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่เพิ่งชนะการเลือกตั้ง และมีกำหนดเข้าพิธีสาบานตนในวันที่ 20 มกราคม ก็เคยให้คำมั่นในเดือนกรกฎาคมว่า เขาจะสร้างคลังสำรอง Bitcoin แห่งชาติอีกด้วย

ที่มา : cointelegraph