Kipley.ai ผู้ให้บริการโซลูชันการใช้งาน AI ภายใต้ KIP Group ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (TISTR) ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยภาครัฐที่ใหญ่ที่สุดในไทยและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
การผลักดันการวิจัยทางการแพทย์ด้วย AI และนวัตกรรมแบบกระจาย
ความร่วมมือในครั้งนี้ มีเป้าหมายที่จะนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) ล้ำสมัยมาใช้ในงานวิจัยไบโอเทค โดยเน้นที่การวิเคราะห์ตัวอย่างสเต็มเซลล์ด้วยความแม่นยำและขนาดการทำงานที่ไม่เคยมีมาก่อน เพื่อเร่งกระบวนการผลิตและวิจัยด้านการแพทย์ฟื้นฟู (regenerative medicine)
ซึ่งทาง Kipley.ai ได้พัฒนาโซลูชันบน KIP Protocol โดยมีเป้าหมายในการนำ AI เข้าสู่การใช้งานจริงได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ด้วยทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้าน AI และเทคโนโลยี รวมถึงฐานลูกค้าที่ครอบคลุมกว่า 200 มหาวิทยาลัยทั่วโลกที่ Kipley ได้สร้างชื่อเสียงในฐานะพันธมิตรที่เหมาะสมสำหรับการพัฒนางานวิจัยในหลากหลายอุตสาหกรรม
AI ยกระดับการวิเคราะห์สเต็มเซลล์ทั้งด้านความแม่นยำและประสิทธิภาพ
การร่วมมือกับ TISTR ในครั้งนี้จะนำเครื่องมือ AI มาใช้เพื่อปรับปรุงการคัดเลือกและวิเคราะห์ตัวอย่างสเต็มเซลล์ให้มีความแม่นยำและรวดเร็ว โดยการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่จะช่วยปลดล็อกความก้าวหน้าในด้านการรักษาโรคที่ยากต่อการรักษาและการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ ทั้งนี้ IO.net จะเป็นผู้ให้บริการระบบประมวลผลสำหรับโครงการนี้
ด้วยความเชี่ยวชาญของ TISTR ด้านวิทยาศาสตร์ชีวภาพและวิศวกรรม ร่วมกับเทคโนโลยีล้ำสมัยของ Kipley จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าตัวอย่างสเต็มเซลล์มีความปลอดภัยและประสิทธิภาพในระดับสูงสุด
เพิ่มความแม่นยำและประสิทธิภาพในงานวิจัยเซลล์ต้นกำเนิดด้วย AI
ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระหว่าง Kipley และ TISTR จะมุ่งเน้นการนำเครื่องมือที่ใช้ AI มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการคัดเลือกและวิเคราะห์ตัวอย่างเซลล์ต้นกำเนิด โดยการทำงานผ่านระบบอัตโนมัติที่ใช้ AI จะช่วยลดขั้นตอนที่ต้องพึ่งพาแรงงานคน และสามารถวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาลได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว การทำงานนี้จะใช้ IO.net เป็นผู้ให้บริการคอมพิวเตอร์หลักสำหรับระบบ
โดยทาง TISTR ซึ่งเป็นผู้นำด้านวิทยาศาสตร์ชีวภาพและวิศวกรรม จะร่วมกับเทคโนโลยีขั้นสูงของ Kipley จะทำให้การวิจัยและพัฒนาตัวอย่างเซลล์ต้นกำเนิดมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อเปิดโอกาสใหม่ในการรักษาโรคที่ยากต่อการรักษาและการสร้างเนื้อเยื่อขึ้นมาใหม่ โดยยังคงยึดมั่นในมาตรฐานจริยธรรมอย่างเข้มงวด
ความร่วมมือข้ามพรมแดนเพื่อกำหนดทิศทางความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ระดับโลก
ในฐานะที่เป็นหนึ่งในสถาบันวิจัยภาครัฐที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย TISTR มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมงานวิจัยเชิงประยุกต์ทั้งในระดับประเทศและระดับสากล ความร่วมมือกับ Kipley เน้นย้ำถึงศักยภาพอันมหาศาลของการทำงานร่วมกันข้ามพรมแดนในการจัดการกับความท้าทายที่สำคัญของโลก
การผสมผสานระหว่างความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยีจากทั้งสององค์กรนี้กลายเป็นต้นแบบสำหรับการทำงานร่วมกันระหว่างสถาบันสาธารณะและภาคเอกชนที่ช่วยขับเคลื่อนการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่สำคัญ ความมุ่งมั่นร่วมกันในด้านนวัตกรรมและผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมทำให้เกิดความก้าวหน้าในวงการแพทย์ที่สามารถส่งผลประโยชน์ต่อผู้ป่วยนับล้านทั่วโลก
โดย Julian Peh ผู้ร่วมก่อตั้งและ CEO ของ KIP Group ได้กล่าวถึงความสำคัญของความร่วมมือในครั้งนี้ว่า
“เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมงานกับ TISTR ซึ่งเป็นหนึ่งในสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เราได้พัฒนาและปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของ AI มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2022 การที่ TISTR ไว้วางใจในตัวเรา เป็นเครื่องยืนยันถึงความแข็งแกร่งและความหลากหลายของเทคโนโลยีของเรา เรามุ่งหวังที่จะนำเทคโนโลยีของเราไปช่วยสนับสนุนงานสำคัญที่ TISTR ดำเนินการในประเทศไทย”
ในขณะที่ Dr. Jennifer Dodgson ผู้ร่วมก่อตั้งและ Chief AI Officer ของ Kipley กล่าวเสริมว่า
“ความร่วมมือนี้ช่วยให้เราสามารถปรับปรุงวิธีการวิเคราะห์ตัวอย่างเซลล์ต้นกำเนิดด้วย AI ยกระดับทั้งความเร็วและความแม่นยำในกระบวนการสำคัญนี้ การผสานศักยภาพ AI ของ Kipley กับความเชี่ยวชาญด้านการวิจัยของ TISTR จะสร้างมาตรฐานความเข้มงวดและการขยายขอบเขตงานวิทยาศาสตร์เซลล์ต้นกำเนิด ที่สามารถนำไปสู่ความก้าวหน้าใหม่ทั้งในด้านการบำบัดและการเข้าใจอย่างลึกซึ้งในวิทยาศาสตร์ด้านนี้”
เกี่ยวกับ TISTR
สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (TISTR) ก่อตั้งขึ้นในปี 1963 โดยมีพันธกิจในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม สถาบันฯ ดำเนินการภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม โดยมีจุดเน้นในด้านความหลากหลายทางชีวภาพ การถ่ายทอดเทคโนโลยี และบริการทางอุตสาหกรรม เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน และส่งเสริมการเติบโตที่ยั่งยืนทั้งในมิติของเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
เกี่ยวกับ Kipley
Kipley.ai ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ KIP Group ถูกพัฒนาบนพื้นฐานของ KIP Protocol ทำหน้าที่เป็น Web2.5 gateway ที่เชื่อมโยงโมเดล AI แอปพลิเคชัน และสินทรัพย์ความรู้แบบกระจายตัว Kipley ผสานอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายของ Web2 เข้ากับระบบความปลอดภัยของ Web3 ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสร้าง รายได้ และจัดการสินทรัพย์ความรู้ของตนเองได้ โดยสามารถเลือกใช้งานโมเดล AI ต่าง ๆ ผ่านตลาดที่มีความยืดหยุ่น ลูกค้าของ Kipley ประกอบด้วย TISTR, Animoca Ventures, Anomaly และนักวิชาการชั้นนำจากมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วโลก
เกี่ยวกับ KIP Group
KIP Group เป็นผู้นำด้านนวัตกรรม AI โดยพัฒนาเครื่องมือและโซลูชันที่ช่วยสร้าง บริหารจัดการ และสร้างรายได้จากสินทรัพย์ความรู้ มุ่งเน้นการใช้งานโซลูชัน AI อย่างรวดเร็วและคุ้มค่า บริษัทในกลุ่ม KIP นำเสนอโซลูชัน AI ที่ใช้งานได้จริงในหลายอุตสาหกรรม เช่น การศึกษา ความบันเทิง เทคโนโลยีชีวภาพ และการซื้อขาย
KIP Protocol ซึ่งเป็นกรอบการทำงานด้านการใช้ AI แบบกระจายตัวและการสร้างรายได้จากสินทรัพย์ เป็นหนึ่งในผู้นำในด้าน Decentralized AI (DeAI) โดยมีลูกค้าเป็นบริษัทบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัลขนาดใหญ่หลายแห่ง พร้อมแผนที่จะขยายการเข้าถึงให้กับนักพัฒนา AI ทุกคนในโลก Web3
ด้วยฐานลูกค้าซึ่งครอบคลุมองค์กรชั้นนำในภาครัฐและเอกชน ผลิตภัณฑ์หลักของ KIP Group อย่าง KIP Protocol และ Kipley.ai ได้เปลี่ยนเทคโนโลยี AI ขั้นสูงให้กลายเป็นโซลูชันที่สามารถใช้งานได้จริง ส่งเสริมการพัฒนาและความก้าวหน้าในอุตสาหกรรมสำคัญต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง
ติดต่อ:
Alisa Jiang