หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้ง แนวคิดการตั้ง “กองทุนสำรอง Bitcoin แห่งชาติ” ถูกพูดถึงอีกครั้ง โดยมีเป้าหมายสะสม Bitcoin เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ แม้จะยังไม่มีการดำเนินการที่ชัดเจน แต่สมาชิกพรรครีพับลิกันอย่าง Cynthia Lummis ได้เสนอร่างกฎหมาย “BITCOIN Act” ซึ่งมีเป้าหมายให้สหรัฐฯ ซื้อ Bitcoin จำนวน 1 ล้านเหรียญ ภายในระยะเวลา 5 ปี
อย่างไรก็ตาม นักวิจารณ์ Bitcoin ที่ไม่เห็นด้วยอย่าง Peter Schiff ได้ออกมาโจมตีแนวคิดดังกล่าว โดยมองว่า การดำเนินการดังกล่าวอาจนำไปสู่การด้อยค่าของเงินดอลลาร์และเกิดภาวะเงินเฟ้อขั้นรุนแรง เนื่องจากรัฐบาลต้องพิมพ์เงินเพิ่ม เพื่อนำมาซื้อ Bitcoin
Bitcoin ของประชาชนมีความเสี่ยงที่จะถูกยึดหรือไม่ ?
หนึ่งในประเด็นที่ไม่ค่อยมีการพูดถึงเกี่ยวกับการจัดตั้งกองทุนสำรอง Bitcoin คือ ความเป็นไปได้ที่รัฐบาลกลาง อาจมีอำนาจสูงสุดในการถือครอง Bitcoin เนื่องจากอุปทานที่มีจำกัด และในกรณีฉุกเฉิน รัฐบาลอาจดำเนินการในลักษณะเดียวกับ คำสั่งบริหาร 6102 ของ Franklin D. Roosevelt ในปี 1933 ที่เคยกำหนดให้ชาวอเมริกันส่งมอบทองคำจำนวนมากให้กับธนาคารกลางสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม Neil Bergquist ซึ่งเป็น CEO ของบริษัทเว็บเทรดคริปโต Coinme ที่มีสำนักงานใหญ่ในเมืองซีแอตเทิล กล่าวว่า “Bitcoin เป็นสินทรัพย์ที่แตกต่างจากทองคำอย่างสิ้นเชิง มันไม่ได้เชื่อมโยงกับระบบการเงินของเรา เหมือนทองคำในปี 1930”
Neil Bergquist ให้เหตุผลเพิ่มเติมว่า “การยึด Bitcoin ของบุคคลทั่วไป จะเป็นเรื่องที่ซับซ้อนทั้งในเชิงปฏิบัติและกฎหมาย เนื่องจาก Bitcoin อยู่ในระบบบล็อกเชนที่กระจายศูนย์ และการดำเนินการดังกล่าว น่าจะถูกตัดสินว่าผิดกฎหมาย”
ในขณะที่ Denis Sklyarov CEO และผู้ร่วมก่อตั้ง WiFi Map บริษัทที่พัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานแบบกระจายศูนย์ มีความเห็นสอดคล้องกัน โดยระบุว่า “ลักษณะดิจิทัลและการกระจายศูนย์ของ Bitcoin ทำให้ความพยายามในลักษณะนี้ เป็นเรื่องที่ยากมาก”
Denis Sklyarov ยังกล่าวเสริมอีกว่า “การเปลี่ยนแปลงทางกฎหมาย และวัฒนธรรมในสหรัฐฯ ตลอดศตวรรษที่ผ่านมา เน้นย้ำถึงเสรีภาพทางการเงิน และสิทธิในทรัพย์สินส่วนบุคคล ทำให้การยึด Bitcoin ในวงกว้าง แทบจะเป็นไปไม่ได้ภายใต้กฎหมายปัจจุบัน”
ขณะเดียวกัน Joe McCann ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Asymmetric กองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่เน้นการลงทุนในคริปโต ได้เสนอแนวทางที่เป็นกลาง โดยกล่าวว่า รัฐบาลอาจสนับสนุนให้ประชาชนขาย Bitcoin ด้วยความสมัครใจ แทนที่จะบังคับส่งมอบให้กับรัฐบาล
“หากสหรัฐฯ จัดตั้งกองทุนสำรอง Bitcoin อาจมีการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีหรือโปรแกรมการซื้อคืนในราคาพิเศษ เป็นแรงจูงใจ แทนที่จะใช้วิธีบังคับ” McCann กล่าว
ที่มา : benzinga