คณะกรรมการกำกับดูแลสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของสหรัฐฯ (CFTC) ได้ยื่นฟ้องบาทหลวงรายหนึ่ง โดยกล่าวหาว่า เขาทำการโปรโมตแชร์ลูกโซ่คริปโทมูลค่า 6 ล้านดอลลาร์ให้กับผู้คนกว่า 1,500 คน ซึ่งรวมถึงผู้ที่เข้าร่วมโบสถ์ของเขาในรัฐวอชิงตัน
เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม CFTC ระบุว่า ได้ยื่นฟ้องร้อง Francier Obando Pinillo ในข้อหาฉ้อโกงและยักยอกเงิน โดยกล่าวหาว่าการกระทำดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการทำการตลาดแบบ (MLM)
ในเอกสารคำร้องที่ยื่นต่อศาลรัฐบาลกลางประจำเมืองสโปเคนเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม CFTC ระบุว่าบาทหลวง Pinillo ซึ่งเป็นผู้นำโบสถ์ภาษาสเปนในเมืองพาสโก รัฐวอชิงตัน ได้หลอกลวงสมาชิกในโบสถ์และบุคคลอื่นผ่านโซเชียลมีเดีย โดยอ้างว่าเขามีแพลตฟอร์มการซื้อขายที่สามารถสร้างผลตอบแทนสูงจากการเทรดคริปโท “ประสิทธิภาพสูง”
หน่วยงานกำกับดูแล CFTC เปิดเผยว่า ในช่วงระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2021 ถึงธันวาคม 2023 บาทหลวง Pinillo ซึ่งเป็นผู้นำโบสถ์ภาษาสเปนในเมืองพาสโก รัฐวอชิงตัน ถูกกล่าวหาว่าแอบอ้างเป็นซีอีโอของบริษัท Solanofi, Solano Partners Ltd. และ Solano Capital Investments เพื่อหลอกลวงประชาชนผ่านการลงทุนคริปโท
Pinillo โฆษณาว่าบริษัทของเขาสร้าง “ระบบนิเวศ Solano” สำหรับการซื้อขาย Bitcoin, Ether, Tether และสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ โดยให้คำมั่นสัญญาว่าลูกค้าจะได้ผลกำไรสูงถึง 34.9% ต่อเดือน ผ่านแพลตฟอร์ม Solanofi ที่อ้างว่ามีบอทและซอฟต์แวร์อัจฉริยะช่วยซื้อขาย นอกจากนี้ยังมีบริการ Staking สินทรัพย์ดิจิทัล เช่น Bitcoin, Ether, Solana, USDT และ Dogecoin ผ่านแพลตฟอร์ม Solanofi 2.0 พร้อมคำโฆษณา “การันตีผลกำไร”
เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ Pinillo ใช้กลยุทธ์แสดงรายการบัญชีและการเคลื่อนไหวทางการเงินปลอม ๆ รวมถึงเสนอค่าคอมมิชชันสูงถึง 15% เพื่อจูงใจให้ลูกค้าชวนคนใหม่เข้ามาร่วมลงทุนเพิ่ม อย่างไรก็ตาม CFTC ระบุว่าข้อมูลทั้งหมดนี้เป็นเท็จ ไม่มีการซื้อขายจริง ไม่มีบัญชีลูกค้า และไม่มีผลกำไรใด ๆ เกิดขึ้น สินทรัพย์ดิจิทัลทั้งหมดที่ลูกค้าส่งมอบถูกยักยอกไปใช้ส่วนตัว
เป้าหมายหลักของการหลอกลวงนี้คือลูกค้าที่ไม่มีความเชี่ยวชาญด้านสินทรัพย์ดิจิทัลหรือการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ โดย Pinillo ใช้ภาษาแม่ของเขา (ภาษาสเปน) ในการโน้มน้าวและอาศัยตำแหน่งบาทหลวงสร้างความไว้วางใจในหมู่สมาชิกโบสถ์
CFTC ยังระบุเพิ่มเติมว่า Pinillo ได้ละเมิดความเชื่อมั่นของชุมชนโดยเฉพาะสมาชิกโบสถ์ที่ไว้วางใจในตัวเขา ขณะที่ตัวเขาเองยังไม่ได้ออกมาแก้ต่างหรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ และยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับทนายความของเขา
ตอนนี้ CFTC เรียกร้องให้มีการชดใช้เงินคืนให้กับลูกค้าที่ตกเป็นเหยื่อ พร้อมทั้งการยึดทรัพย์สินทั้งหมดที่ได้มาจากแผนการหลอกลวงนี้เพื่อคืนให้กับผู้เสียหาย
ที่มา:cointelegraph