เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม Andreas Kohl ผู้ร่วมก่อตั้ง Bitcoin Sidechain ชื่อว่า “Sequentia” อ้างว่าเขาได้ทำให้โหนดบนเครือข่าย Dogecoin กว่า 69% ล่ม Kohl ระบุว่าเขาใช้แล็ปท็อปเก่าในเอลซัลวาดอร์ในการดำเนินการดังกล่าว
ข้อมูลจาก Blockchair แสดงให้เห็นว่า ก่อนที่ช่องโหว่นี้จะถูกโจมตี Dogecoin มีโหนดที่ใช้งานอยู่จำนวน 647 โหนด แต่ ณ เวลาที่เขียนรายงาน Dogecoin เหลือโหนดที่ใช้งานเพียง 315 โหนดเท่านั้น
ทั้งนี้ Kohl ระบุว่าเขาใช้ช่องโหว่ที่ถูกค้นพบโดยนักวิจัยชื่อ Tobias Ruck เพื่อทำให้โหนดของ Dogecoin ล่ม
ช่องโหว่ของ Dogecoin เปรียบเสมือน “สมุด Death Note” ในอนิเมะ
เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม บัญชี X ที่ชื่อ “Department Of DOGE Efficiency” ได้เปิดเผยช่องโหว่บนเครือข่าย Dogecoin ต่อสาธารณะ โดยระบุว่าช่องโหว่นี้สามารถทำให้เครือข่าย Dogecoin ทั้งหมดล่มได้ ตามข้อมูลของบัญชีดังกล่าว ช่องโหว่ที่เรียกว่า “DogeReaper” อนุญาตให้ใครก็ได้ สามารถทำให้โหนดของ Dogecoin ล่มได้จากระยะไกล
บัญชีดังกล่าวเปรียบเทียบช่องโหว่นี้กับ “สมุด Death Note” จากมังงะและอนิเมะชื่อดังของญี่ปุ่น ซึ่งในอนิเมะ หากเขียนชื่อใครลงในสมุดโน้ต บุคคลนั้นจะเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวายทันที
สำหรับช่องโหว่ “DogeReaper” ใน Dogecoin นั้นมีลักษณะคล้ายกัน โดยผู้ใช้ X รายนี้กล่าวว่า ใครก็ตามที่เขียนที่อยู่ของโหนด และทำให้โหนดนั้น “เสียชีวิต” ด้วยปัญหา Segmentation Fault
ปัญหา Segmentation Fault เกิดขึ้นเมื่อโปรแกรมพยายามเข้าถึงหน่วยความจำโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ ระบบปฏิบัติการจะหยุดการทำงานของโปรแกรมเพื่อความปลอดภัย ทำให้เกิดการล่มของโปรแกรม
ผู้ใช้ X ดังกล่าวยังระบุว่า เนื่องจากที่อยู่ของโหนด Dogecoin เป็นข้อมูลสาธารณะ “ใครก็ตามสามารถทำให้เครือข่ายของ Dogecoin ทั้งหมดล่มได้ในทันที” ด้วยการใช้ช่องโหว่นี้ พร้อมเขียนว่า “หากมีผู้ไม่หวังดีค้นพบช่องโหว่นี้ก่อนเรา เขาอาจทำให้เครือข่าย Dogecoin หยุดทำงานได้นานหลายวัน โดยไม่มีการทำธุรกรรมหรือการสร้างบล็อกใดๆ”
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าช่องโหว่นี้จะมีศักยภาพที่เป็นอันตราย แต่ทางผู้ใช้ X รายนี้ระบุว่า Coinbase มองว่าความรุนแรงของช่องโหว่ยังอยู่ในระดับต่ำ จึงได้มอบเงินรางวัลให้ Tobias Ruck ผู้ค้นพบช่องโหว่นี้เพียง 200 ดอลลาร์ เท่านั้น
ที่มา:cointelegraph