“ทักษิณ” โชว์ไอเดียดันเศรษฐกิจ แนะ ตลท.- ก.ล.ต. แก้ปัญหาใหญ่ เร่งฟื้นความเชื่อมั่นตลาดหุ้น-เชียร์คริปโท โยนหินเปิดรับเงินสีเทาเข้าบัญชีแบงก์
ช่วงค่ำวันที่ 13 ม.ค. 68 นาย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษ “Chat with Tony : Bull Rally of Thai Capital Market” ตอนหนึ่งว่า ปัญหาของตลาดหุ้นไทยขณะนี้ คือ Trust, Confidence และ Sentiment ไม่ดี ต้องนำกลับคืนมาให้ได้ ปัญหาสำคัญคือ หน่วยงานกำกับตลาดทุนช้าเกินไป จะต้องกระชับการทำงานให้เร็วขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเกิดปัญหา ต้องออกมาชี้แจงแก้ไขให้เร็วขึ้น หากจำเป็นก็ต้องออกเป็น พ.ร.ก.เพื่อมาแก้สถานการณ์ให้ได้ทันท่วงที
ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นต้องให้สำคัญกับความเข้มแข็งของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) บริษัทที่เข้าตลาดหุ้นแล้วต้องมอนิเตอร์ต่อเนื่อง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ต้องตรวจสุขภาพ บจ. โดยเฉพาะเรื่องการธรรมาภิบาล ติดตามพฤติกรรมฝ่ายบริหารเพื่อให้มั่นใจว่า ต้องไม่ใช้เงินผิดประเภท ต้องบริหารอย่างถูกต้อง ให้มั่นใจว่าต้องไม่เกิดปัญหากระทบต่อตลาดหลักทรัพย์
High Frequency Trade ไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อใครเลย เป็นการเทรดที่ทำกำไรเล็กๆ แต่ถี่ ๆ เมื่อสิ้นวันก็ไม่ได้เหลืออะไร แต่ตลาดหุ้นชอบเพราะมีวอลุ่ม ซึ่งจำเป็นต้องเข้มงวดเรื่องการได้เปรียบเสียเปรียบ ตลท.มีหน้าที่ไม่ให้เกิดการเอาเปรียบ ต้องรักษากติกาให้ดี ทุกคนต่อทำได้ แต่ต้องให้ความเร็วใกล้เคียงกัน
การเพิ่มอำนาจให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)เหมือนสากล สามารถจัดการกรณีที่สร้างปัญหาต่าง ๆ ในตลาดทุนได้ทันที ไม่ต้องรอดีเอสไอ อัยการ เพราะทำให้ความน่าชื่อถือเราเสียหาย ขณะที่บจ.ในตลาดหุ้นไทยเป็นธุรกิจเก่า บริษัทใหม่ๆ ขนาดใหญ่ๆ ไม่ค่อยมี รัฐบาลจะให้บีโอไอชวนบริษัทต่างประเทศมาเข้าตลาดหุ้นไทยให้มากขึ้น โดยเฉพาะบริษัทข้ามชาติที่เข้ามาลงทุนสูง จะจูงใจให้เข้าตลาดหุ้น หรืออย่าง Entertainment Complex ต้องสนับสนุนให้เข้าตลาดหุ้นเพื่อเพิ่มซัพพลาย
นายทักษิณ กล่าวว่า หุ้นหลายตัว P/B , P/E ต่ำ ต้องสนับสนุนให้มีโครงการซื้อหุ้นคืน และ ตลท.จะต้องใช้ระบบของตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่สั่งให้ บจ.ต้องทำแผนว่าทำอย่างไรให้ราคา Book กับราคาหุ้นกลับไปใกล้เคียงกัน
อยากเห็น ก.ล.ต.มีภาพดิจิทัล เห็นชัดแล้วว่า วันนี้ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศชัดเจนว่า จะชำระหนี้ด้วยบิทคอยน์ และมองคริปโทเคอร์เรนซีเป็นเกราะกำบังดอลลาร์ เมื่อมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ เคลื่อนมาทางนี้ เราก็ควรตื่นตัวได้แล้ว ต้องเปิดรับได้แล้ว ควรอนุญาตเทรด Stable Coin เพราะ การออกบอนด์ให้สถาบันมาซื้อเก็บไม่ได้สร้างประโยชน์ให้ระบบเศรษฐกิจ หากออกบอนด์ขายให้ประชาชน หรือสถาบันเป็นล็อตเล็กๆ ระยะเวลาสั้นๆ แล้วนำมาค้ำ Stable Coin ก.ล.ต.ต้องออกกติกาเหล่านี้ รวมทั้งต้องสนับสนุนการนำสินทรัพย์ที่ไม่ Active เช่น คอนโด บ้านที่เหลือขาย มาออกเป็นโทเคน
รัฐบาลเองก็เตรียมจะทำ sandbox อาจจะเริ่มที่ภูเก็ตด้วยกับรับบิทคอยน์มาใช้ซื้อสินค้า และบริการด้วยการจัดการของรัฐบาล มีอัตราแลกเปลี่ยนชัดเจน มีตัวกลางเป็นตัวรับจ่ายเงิน เพราะมองว่า คนที่มีบิทคอยน์คือคนที่กำไร มีแนวโน้มจะใช้เงินฟุ่มเฟือยมากขึ้น จะช่วยดึงให้มาใช้ในประเทศไทย นอกจากนั้น คิดถึงการทำ sandbox ด้านอินโนเวชั่นที่กฎหมายตามไม่ทัน เช่นเรื่องสเต็มเซลล์ โดยเฉพาะเซลล์ที่มาจากตัวเราเอง ต้องเปิดรับให้ประเทศไทยทันกับโลก
ขณะที่สนับสนุนสิ่งที่ ก.ล.ต.กำลังจะทำ คือ การเทรดคาร์บอนเครดิต เพราะวันนี้ประเทศไทยซื้อขายที่ 7 ดอลลาร์/ตันคาร์บอนเครดิต สิงคโปร์ 14 ดอลลาร์ฯ ยุโรป 35 ดอลลาร์ฯ ถ้ามีศูนย์กลางขึ้นมาในประเทศไทยก็จะทำให้ได้ราคาดีขึ้น ไม่ต้องเสียเปรียบต่างประเทศ และยังจะได้ประโยน์จากการส่งออกและอะไรอีกมากมาย
นายทักษิณ กล่าวอีกว่า ประเทศไทยต้องผลักดันการพัฒนาศูนย์กลางทางการเงิน ซึ่งขณะนี้กระทรวงการคลังศึกษาโมเดลของดูไบ และสิงคโปร์นำมาปรับใช้ เราอยากเพิ่มปริมาณเงินเข้าสู่ระบบมากขึ้น ปัจจุบันเงินถูกดูดออกไปอยู่ในบอนด์หมด ESG ก็ลงทุนในบอน์ดเป็นหลัก สำหรับกองทุน LTF กระทรวงการคลังกำลังคิดว่าจะทำต่อหรือไม่
“อยากเห็นเม็ดเงินอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ และระบบเศรษฐกิจให้มาก ต้องเลี้ยงตรงนี้ให้ได้ บอนด์มันง่าย แบงก์ลุงทนก็ง่าย แต่ผลสุดท้ายก็ไม่มีใครเสี่ยง ธุรกิจก็ต้องเสี่ยง เพราะกำไรอยู่กับการเสี่ยง ถ้าเราไม่ยอมให้มีความเสี่ยง เงินก็หายหมด ถ้าออกแต่บอนด์ น่าห่วงคือ เงินนชนบทไม่มีใช้เลย”
นายทักษิณ กล่าวอีกว่า รัฐบาลจะส่งเสริมการลงทุนขนาดใหญ่ในประเทศ โดยเฉพาะดาต้าเซ็นเตอร์ และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ซึ่ง UAE เปรียบเทียบดาต้าเซ็นเตอร์เหมือนน้ำมันดิบ ส่วนเอไอเหมือนน้ำมันสำเร็จรูป เมื่อตั้งแล้วต้องดึงเอไอฮับให้มาอยู่ในไทยให้ได้ เพราะเอไอฮับ 1 ตัวขนาด 1 กิ๊กกะวัตต์ ต้องใช้เงินลงทุน 1.6 ล้านล้านบาท ซึ่งเรื่องนี้ก็เกี่ยวข้องกับเรื่องค่าไฟที่จะต้องมีอัตราจูงใจ
เรื่องค่าไฟ 3.70 บาท/หน่วย แอบเห็นตัวเลขแล้วว่าทำได้ แต่คนไม่เข้าใจ ทำให้หุ้นพลังงานตก เพราะเข้าใจผิด แนวคิดคือการรีดไขมัน (Fat) ส่วนต่าง ๆ ซึ่ง 3.70 บาท/หน่วยถือว่า เป็นขั้นต่ำ เพราะวันนี้ค่าไฟจากโซลาร์ลงมาถึง 2 บาท หรือ 1.80 บาท แต่เราก็มีการใช้ก๊าซหรือถ่านหินผลิตไฟฟ้า จะต้องไปคำนวณว่า หากโรงไฟฟ้าไหนมีค่าใช้จ่ายเกินกว่าพลังงานหมุนเวียนควรปิด หรือหยุดไว้ก่อนเพื่อดึงต้นทุนลงมา
แนวทางการลด Fat คือ การจำหน่าย loss ของการไฟฟ้า 3 แห่ง องค์กรส่วนท้องถิ่นที่เคยใช้ไฟฟรี ต้องแยกบิลให้ชัดเจน มีอีกมากที่เราจะรีดค่าไฟลงมาได้ ปตท.อาจจะกระทบบ้าง เพราะค่าผ่านท่ออาจจะต้องลดลง ซึ่ง ปตท.เต็มใจ และยังมีเรื่องเงินนำส่งรัฐ มีความเป็นไปได้สูงที่ค่าไฟจะลดลงเรื่อย ๆ ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็น เพื่อดึงการลงทุนจากต่างประเทศ เช่นเดียวกับการผลิตบุคลากรเพื่อรองรับวิศวกรซอฟท์แวร์ วันนี้ประเทศไทยต้องพัฒนาคน ต้องพัฒนาเศรษฐกิจแบบใหม่ ไม่เช่นนั้นเราจะเสียเปรียบทั้งโลก
“เราสู้ไหว ไม่มีอะไรช้าไป ถ้าเราจะเริ่มวันนี้ ผมมีเวลาทำงานช่วยชาติได้อีก 20 ปี นี่ก็เหนื่อยแล้ว แต่จะช่วยเท่าที่ทำได้เพราะวันต้อง Turnaround ประเทศไทย ไม่เช่นนั้นเราจะคิดความคิดเก่า ๆ เราต้องดึงตัวเองขึ้นมาอยู่ Tier กลางหรือ Tier บน ถ้าอยู่ Tier ล่าง เราจะถูกทั่วโลกใช้เราไปถือกระดาษให้เขา”
นายทักษิณ กล่าวอีกว่า การพัฒนาประเทศจะเป็นคุณต่อตลาดทุน เพราะระบบเศรษฐกิจและตลาดทุนไปด้วยกัน เราต้องทำระบบเศรษฐกิจให้เข็งแรงให้ได้ ปัญหาอย่างแรกที่เป็นห่วงคือ รถ EV จีนที่เข้ามาตีตลาดในไทย กับระบบนิเวศอุตสาหกรรมรถยนต์สันดาของไทยที่แข็งแรง เราต้องสร้างสมดุลให้ได้ไม่งั้นระบบนิเวศที่เราสร้างไว้จะพังกันหมด รวมถึงเรื่องไฟแนนซ์ที่แบงก์ไม่ปล่อยกู้
ประเด็นปัญหาภูมิรัฐศาสตร์และสงครามการค้า กระทบเราแน่ โดยเฉพาะส่งออก เราต้องหาตลาดใหม่ และต้องปรับคุณภาพสินค้าทั้งอุตสาหกรรมและการเกษตร นักธุรกิจต้องรับผิดชอบกับสินค้าที่ออกไปแล้วสร้างความเสียหาย เราต้องเตรียมตัวตั้งแต่วันนี้ทำเรื่องมาตรฐานสินค้า การนำเข้าต้องดูว่า สินค้าเข้ามาไร้คุณภาพราคาถูกฆ่าอุตฯเอสเอ็มอีของเรา เราต้องสร้างอุตสาหกรรมใหม่เพื่อทดแทนการนำเข้า เช่น เวชภัณฑ์ และยา หรือเซมิคอนดักเตอ
ข้อดีของสงครามการค้าก็มี คือ สินค้าจีนก็อยากมาใช้แหล่งกำเนิดในไทยเพื่อให้ขายตลาดอื่นได้ สินค้าสหรัฐก็เช่นกัน ดังนั้นการเปิดรับให้เขาเข้ามาลงทุนต้องกำหนดการใช้วัตถุดิบในประเทศให้ชัดเจนเพื่อให้ประเทศได้ประโยชน์ ไม่ใช่ใครมาก็ได้ เราจะได้อะไรเราจะเสียอะไร เราต้องรักษาอุตสาหกรรมของเราที่มีอยู่ให้ได้ ต้องทำให้เอสเอ็มอีฟื้นกลับมาเป็นกองทัพทางเศรษฐกิจให้ได้ เช่นเดียวกับซอฟต์ พาวเวอร์ ปีนี้รัฐบาลจะคิดออฟการรีสกิล อัพสกิลให้คนไทย เพื่อให้ทำงานได้รายได้มากกว่าค่าจ้างขั้นต่ำ ทั้งเชฟ มวยไทย ครัวไทยสู่ครัวโลก อีสปอร์ต สร้างคนขายของ ช่วยโปรโมทสินค้าของทุกจังหวัด รายได้ท่องเที่ยวต้องทำต่อไป เน้นความสะดวกเดินทางเข้าออกและความปลอดภัย ขณะนี้ภาครัฐกำลังติดตั้งระบบกล้องวงจรปิดและเอไอ เพื่อให้เป็นสมาร์ทซิตี้ เริ่มกทม.และจังหวัดท่องเที่ยว เพื่อประกันความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว เพิ่มความสะอาด สร้าง Infrastructure เช่น สนามบินใหม่ ถนนในภูเก็ต เชียงใหม่ทำรถไฟใต้ดิน สร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ เพื่อให้กระจายตัวไปทั่วประเทศ จะเกิดขึ้นใน 2 ปีกว่าที่เหลือของรัฐบาล
รัฐบาลพยายามสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจใหม่ๆ ให้กับประชาชน นอกจากดาต้าเซ็นเตอร์ และไอเอ ยังพยายามอบรมคนไทยใช้ภาษาสั่งเอไอทำงานให้เป็น และใช้กฎหมายทรัพย์อิงสิทธิ 99 ปี เพื่อนำทรัพย์สินของรัฐไปสร้างธุรกิจใหม่ ๆ การลงทุนใหม่ๆ กระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมให้ได้ เช่น โครงการบ้านเพื่อคนไทย และยังมีแนวคิดถมทะเลป้องกันน้ำท่วมกทม. ดึงเอกชนในประเทศ-ต่างประเทศมาลงทุนถมดินแล้วนำที่ดินไปจัดผลประโยขน์ 99 ปี หรือนำป่าเสื่อมโทรมมาสร้างบ้านสวยๆ บนภูเขา
นายทักษิณ กล่าวว่า ปัญหาเรื้อรังของประชาชน คือ pm 2.5 ขอความร่วมมือจากเอกชน และประชาชนให้รับผิดชอยต่อสังคม เข้มงวดเรื่องการห้ามเผาไร่อ้อย ไร่ข้าวโพด มีมาตรการเด็ดขาดไม่ส่งเสริมเกษตรกรที่ไม่รับผิดชอบ อย่างกรณีของสิงคโปร์มีการออกหมายจับ วันนี้ถึงเวลาที่ประเทศไทยต้องเข้มงวดเอาจริงเอาจัง หรือตัดสิทธิที่ควรจะได้รับการช่วยเหลือจากภาครัฐ
เช่นเดียวกับคอลเซ็นเตอร์หลอกเงิน เคยพูดว่าให้ กฟภ.กับค่ายมือถือตัดสายตัดบริการประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นแหล่งคอลเซ็นเตอร์และยาเสพติด เพราะเอาไฟฟ้ากับโทรศัพท์ไปให้เขาใช้มาหลอกเงินคนไทย เหมือนเรื่องยาเสพติดวันนี้เราเหมือนให้ทุนไปสู้รบในเมียนมาแบบไม่รู้ตัว เอาไฟฟ้าเขาผลิตยาเสพติดมาขายลูกหลานเรา
นายทักษิณ แสดงความเป็นห่วงคนชนบทไม่มีเงินใช้ เงินที่หาได้ซื้อของกินซื้อเสื้อผ้า แต่ร้านค้าเป็นสาขาของกทม.เงินถูกส่งกลับมาที่ส่วนกลางหมด เป็นเรื่องที่ไม่รู้จะแก้อย่างไร แต่ก็คิดว่า 1. เราจะจูงใจบริษัทในกทม.ไปตั้งสำนักงานใหญ่ต่างจังหวัดได้หรือไม่ จูงใจด้วยการลดภาษีให้ 2.ผลักดันให้สายการบินโลว์คอสไปใช้สนามบินต่างจังหวัดเป็นฮับแทน ซึ่งสามารถลดค่าใข้จ่ายได้ด้วย 3. ดิจิทัลวอลเล็ต นอกจากกระตุ้นเศรษฐกิจยังใช้หลังบ้านเป็นบล็อกเชนสามารถคุมการใช้เม็ดเงินเพื่อรักษาเงินไว้ในชนบทได้
“ถ้าเราจะทำงานให้สำเร็จ มั่นใจว่า ถ้าเราทำต่อเนื่องกระตุ้นต่อเนื่อง ชวนการลงทุนจากต่างประเทศ เพิ่มเม็ดเงินได้ เราเชื่อว่า เศรษฐกิจาจะกลับมาโต ผมเศร้าใจที่เห็นมาเลย์โต 5.6% ไทยโตแค่ 3% หรือบางคนบอกว่า 2% กว่า ปีนี้เราต้องทำให้ได้ 4% ปีหน้าต้องได้ 5% ตอนสมัยเป็นนายกฯ ผมบอกว่า จะทำงบสมดุลก็ทำได้ ไม่มีอะไรเกินความพยายาม ปัญหาคือความร่วมมือ”
หรือสิ่งที่อยากฝากไว้คิด คือ 10 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจไม่ดีเลย แบงก์ชาติต้องพิมพ์แบงก์เพิ่มตลอด แต่มันหายไปไหน หายลงไปใต้ดินเยอะมาก เลยคิดว่า เงินถ้าอยู่ใต้ดินก็ไม่ทำงาน ทำอย่างไรถึงจะให้เงินทำงาน หลายประเทศคิดแตกต่างกัน อินเดียก็สั่งพิมพ์แบงก์ใหม่ เลิกแบงก์เก่า รัฐบาลเสียเงินแต่เงินก็ขึ้นมาไม่หมด บางประเทศก็ให้เอาเงินเหล่านั้นมาเข้าบัญชีแบงก์ได้โดยไม่ต้อง KYC แล้วรัฐเก็บภาษี แต่หากพบภายหลังว่า เป็นเงินจากยาเสพติดก็ต้องถูกดำเนินคดี เชื่อว่าเงินเหล่านี้จะมาหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจได้ เพราะเมื่อเงินเข้ามาสู่ระบบเจ้าของเงินก็อยากทำมาหากิน ก็นำเงินออกมาทำธุรกิจ
“อยากให้เรามีความสามัคคีกันในบ้านเมือง โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ อยากเห็นสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) 3 เสาหลักเศรษฐกิจนั่งคุยกันบ้าง แต่วันนี้ ธปท.ไม่ยอมคุยกับใครเลย สงสัยอยู่คนละประเทศ อยากให้มีการพูดคุยหาทางผลักดันเศรษฐกิจ ถ้าเศรษฐกิจโตกว่านี้ เรื่องตลาดหลักทรัพย์ก็หมูๆ 1,800 จุด ถ้าพรุ่งนี้หุ้นไม่ขึ้นผมจะไปอยู่ไหนดี” นายทักษิณ กล่าว
ที่มา : amarintv