<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

รายย่อยเฮ ! ก.ล.ต. จ่อไฟเขียว Bitcoin ETF เข้าเทรดในตลาดหุ้นเป็นครั้งแรกในไทย

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ในวันนี้ (15 ม.ค.) สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า ทางการประเทศไทยกำลังพิจารณาอนุญาตให้มีการซื้อขาย Bitcoin exchange-traded funds (ETFs) ในตลาดหลักทรัพย์เป็นครั้งแรก เพื่อส่งเสริมให้ประเทศกลายเป็นศูนย์กลางด้านสินทรัพย์ดิจิทัล

รายงานระบุว่าทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กำลังพิจารณาให้นักลงทุนรายย่อย และสถาบันฯ  สามารถเข้ามาลงทุนใน Bitcoin ETFs ได้ อ้างอิงตามการเปิดเผยของนางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ ก.ล.ต.

จะเห็นได้ว่า เมื่อช่วงเดือนมิถุนายน 2024 ประเทศไทยได้อนุญาตให้ บลจ.วรรณ เปิดตัวกองทุนที่เข้าลงทุนใน Bitcoin ETF ในต่างประเทศได้ แต่ยังไม่เคยอนุมัติให้มีการลงทุนใน Bitcoin ETF ได้โดยตรงมาก่อน

สำหรับสาเหตุที่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้เป็นผลมาจากความต้องการที่จะเข้าแข่งขันในสมรภูมิความเป็นผู้นำด้านสินทรัพย์ดิจิทัลในภูมิภาค เอเชียแปซิฟิค หลังจากที่ทั้งทาง ฮ่องกง และ สิงคโปร์ได้เดินหน้าในการสนับสนุนอุตสาหกรรมดังกล่าว อีกทั้งทางฝั่งของมหาอำนาจอย่างอเมริกายังเกิดความเคลื่อนไหวตามมาด้วยเช่นกัน เนื่องจาก โดนัลด์ ทรัมป์ เคยได้ประกาศว่าจะทำให้สหรัฐฯ กลายเป็นเมืองหลวงของคริปโต 

นาง พรอนงค์ กล่าวว่า “ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ก็ตาม ประเทศไทยจำเป็นที่จะต้องเคลื่อนไหวตามการยอมรับคริปโตที่เพิ่มมากขึ้นทั่วโลก ซึ่งไทยต้องปรับตัวเพื่อทำให้มั่นใจได้ว่านักลงทุนในประเทศจะมีทางเลือกในการลงทุนในคริปโตที่มากขึ้น และมีความปลอดภัยที่มากขึ้นเช่นกัน”

ทั้งนี้ บริษัทไบแนนซ์ โฮลดิ้งส์ ( Binance Holdings) และบริษัทสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ๆ ต่างมองว่าประเทศไทยกำลังเป็นตลาดที่มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากไทยได้เริ่มดำเนินการผ่อนคลายกฎข้อบังคับต่าง ๆ มากขึ้น

ขณะเดียวกัน นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทยก็ให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมคริปโต โดยเขากล่าวเมื่อไม่นานมานี้ว่า ไทยควรพิจารณาการออก stablecoins ที่มีพันธบัตรรัฐบาลค้ำประกันให้กับนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบัน รวมถึงศึกษาแนวทางอื่น ๆ สำหรับสกุลเงินดิจิทัล

อย่างไรก็ตามแม้กิจกรรมการเทรดคริปโตในประเทศไทยจะพุ่งสูงขึ้น หลังจากที่ราคา Bitcoin สามารถทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ $108,315 ได้สำเร็จ แต่มันก็ยังเทียบไม่ได้กับช่วงขาขึ้นรอบที่แล้ว โดยผลกระทบของขาลงในปี 2022 ได้ทำให้ตลาดเสียหายเป็นจำนวนมากและยังคงไม่ฟื้นกลับขึ้นมาดังเดิม

ปัจจุบันมีบัญชีซื้อขายคริปโตที่ยังคงมีการเคลื่อนไหวและมีกิจกรรมการซื้อขายต่อเนื่องอยู่ราว 270,000 บัญชี อ้างอิงจากข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ของประเทศไทย


ที่มา : Thedge