<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

คู่มือเทรด Option บน Binance (ฉบับสมบูรณ์) ในปี 2025 เพิ่มโอกาสกำไรแบบมือโปรในตลาดคริปโต!

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ในโลกของการลงทุนคริปโตเคอร์เรนซี การเทรด Option กำลังกลายเป็นเครื่องมือที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ด้วยความสามารถในการจัดการความเสี่ยง และการสร้างผลกำไรที่ยืดหยุ่น Binance หนึ่งในแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้นำเสนอบริการเทรดสัญญา Option ที่ออกแบบมาเพื่อให้นักลงทุนสามารถเพิ่มโอกาสทางการเงินได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

ในบทความนี้ ทางสยามบล็อกเชนจะพาคุณไปสำรวจโลกของการเทรด Option บน Binance แบบละเอียดยิบจนถึงเคล็ดลับการใช้งานที่คุณอาจไม่เคยรู้ 

ออปชั่น (Options) คืออะไร?

ออปชั่น (Options) เป็น ตราสารอนุพันธ์ที่ให้สิทธิ์แก่ผู้ถือสัญญาในการซื้อ (Call Option) หรือขาย (Put Option) สินทรัพย์ในราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ณ วันที่ที่กำหนดในอนาคต แต่จะไม่มีข้อบังคับว่า ผู้ถือจะต้องดำเนินการตามสัญญานั้น ซึ่งทำให้ออปชั่นมีความยืดหยุ่นสูง เหมาะสำหรับการบริหารความเสี่ยง  

ความแตกต่างหลักระหว่าง ออปชั่น และ ฟิวเจอร์ส อยู่ที่ “ค่าพรีเมียม” ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่กำหนดไว้อย่างชัดเจนล่วงหน้า ซึ่งจะมีเฉพาะในออปชั่นเท่านั้น หลายคนอาจมองว่าค่าพรีเมียมเป็นข้อเสีย เพราะดูซับซ้อนและยุ่งยากกว่า แต่ข้อดีของออปชั่นก็มี นั่นคือ “ไม่มีการบังคับใช้สัญญา” เหมือนฟิวเจอร์ส 

กล่าวคือ หากราคาสินทรัพย์เคลื่อนไหวผิดไปจากที่เราคาดการณ์ไว้ เมื่อถึงกำหนดเวลา แทนที่จะขาดทุนทั้งหมดเหมือนในฟิวเจอร์ส เราสามารถเลือก “ไม่ใช้สิทธิ์ในสัญญาออปชั่นได้” และเสียเพียงค่าพรีเมียมเท่านั้น ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยลดความเสี่ยงได้อย่างมากและควบคุมการขาดทุนให้อยู่ในระดับที่เรารับได้

ดังนั้นถ้าจะพูดง่ายๆ ถึงความแตกต่างระหว่าง ออปชั่น (Options) และ Future

ก็คือ ออปชั่นช่วยให้นักลงทุนมี สิทธิ ในการซื้อหรือขายสินทรัพย์ในราคาที่ตกลงไว้ แต่ไม่มีข้อผูกมัด ถ้าไม่อยากใช้สิทธิก็ไม่ต้องทำ ส่วน Future เป็น สัญญาผูกมัด ที่ต้องซื้อหรือขายสินทรัพย์ในวันที่และราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ข้อดีของ Future คือความตรงไปตรงมาเหมาะกับคนที่ต้องการการเทรดที่มีกรอบชัดเจน แต่ข้อเสียคือความเสี่ยงสูงกว่า เพราะคุณไม่มีทางหลีกเลี่ยงภาระผูกพันได้ ต่างจากออปชั่นที่ให้ความยืดหยุ่นมากกว่าและสามารถใช้บริหารความเสี่ยงได้ดีในบางสถานการณ์

ทั้งนี้ Option ถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่:

  1. Call Option: ให้นักลงทุนมีสิทธิซื้อสินทรัพย์ในราคาที่กำหนด
  2. Put Option: ให้นักลงทุนมีสิทธิขายสินทรัพย์ในราคาที่กำหนด

ซึ่งการเทรด Option จะช่วยให้นักลงทุนสามารถคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาคริปโต และเพิ่มผลกำไรในทุกสภาวะตลาด ไม่ว่าจะเป็นตลาดขาขึ้นหรือขาลง

ตัวอย่างการใช้ออปชั่น (Options) และ Future ในการซื้อ Bitcoin บน Binance

Options :

สมมติว่า Bitcoin (BTC) มีราคาปัจจุบันที่ 30,000 USD และคุณเชื่อว่าราคาจะขึ้นไปในอนาคต แต่คุณไม่แน่ใจว่าจะเป็นอย่างไร คุณสามารถเลือกใช้ Call Option (สิทธิในการซื้อ) ดังนี้:

  • ซื้อ Call Option ที่ราคาใช้สิทธิ (Strike Price) 31,000 USD โดยจ่ายค่าพรีเมียม 200 USD
    หากถึงวันหมดอายุ:
    • ราคาตลาด Bitcoin สูงกว่า 31,000 USD (เช่น 33,000 USD):
      คุณสามารถใช้สิทธิซื้อ BTC ในราคา 31,000 USD และขายในราคาตลาด 33,000 USD ทำกำไรสุทธิ 1,800 USD (33,000 – 31,000 – 200)
    • ราคาตลาด Bitcoin ต่ำกว่า 31,000 USD (เช่น 29,000 USD):
      คุณไม่ใช้สิทธิ และเสียแค่ค่าพรีเมียม 200 USD โดยไม่ต้องซื้อ Bitcoin

ออปชั่นเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการจำกัดความเสี่ยงขาดทุน แต่ยังคงมีโอกาสทำกำไรจากความเคลื่อนไหวของราคา

Future:

สมมติว่าคุณเชื่อว่า Bitcoin จะขึ้นในอนาคต และต้องการล็อกราคาซื้อขายในวันนี้ คุณสามารถทำ Long Position (ซื้อ) ในสัญญา Future ดังนี้:

  • เปิดสัญญา Future ซื้อ BTC ที่ราคา 30,000 USD
    หากถึงวันสิ้นสุดสัญญา:
    • ราคาตลาด Bitcoin สูงกว่า 30,000 USD (เช่น 33,000 USD):
      คุณจะมีกำไร 3,000 USD ต่อ Bitcoin (33,000 – 30,000)
    • ราคาตลาด Bitcoin ต่ำกว่า 30,000 USD (เช่น 28,000 USD):
      คุณจะขาดทุน 2,000 USD (28,000 – 30,000)

Future เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาในกรอบเวลาที่ชัดเจน แต่ต้องระวังเรื่องความเสี่ยงสูงเนื่องจากมีข้อผูกมัดตามสัญญา

วิธีเทรด Binance Options แบบจับมือทำ

ขั้นตอนที่ 1 : ไปที่เว็บไซต์ Binance แล้วคลิก [Sign In] เพื่อเข้าสู่ระบบ หรือคลิก [Register] หากยังไม่มีบัญชี

ขั้นตอนที่ 2 : หลังจากเข้าสู่ระบบแล้ว คลิก [Derivatives] > [Options]

ขั้นตอนที่ 3 : คลิก [Register Now] เพื่อเปิดบัญชี Binance Options

ขั้นตอนที่ 4 : คลิก [Transfer] เพื่อเติมเงินเข้ากระเป๋า Options Wallet ของคุณ

ขั้นตอนที่ 5 : เลือกตัวเลือก Call [Buy] หรือ Put [Sell] เพื่อเริ่มต้นการเทรด 

ขั้นตอนที่ 6 : เมื่อเลือกออปชั่น Call หรือ Put แล้ว [Trading Dashboard] จะพร้อมใช้งาน คุณสามารถคลิกลูกศรเพื่อดูรายละเอียดตลาดเพิ่มเติม หรือคลิกไอคอนกราฟราคาเพื่อเปลี่ยนไปยังอินเทอร์เฟซการเทรด

ขั้นตอนที่ 7 : เลือก [Order Type] ใส่ [Price] และ [Amount] แล้วคลิก [Buy] เพื่อเปิดการเทรด

ขั้นตอนที่ 8 : หากต้องการปิดสัญญา คุณมีตัวเลือกดังนี้

  • ถือสัญญาจนถึงวันหมดอายุ
  • เปลี่ยนไปที่โหมด [Close] ในแผงการเทรด เลือก [Order Type] ใส่ [Price] และ [Amount] แล้วคลิก [Sell]
  • หรือคลิก [Close] ใต้เมนู [Trades] โดยตรง

สรุป

ออปชั่นและฟิวเจอร์สในคริปโตได้รับความนิยมอย่างมากในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล โดยทั้งสองมีข้อดีที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน นักลงทุนสามารถใช้ Option เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการถือครองสินทรัพย์หลัก ในขณะที่ ฟิวเจอร์ส มีสภาพคล่องที่ดีกว่าและค่าใช้จ่ายต่ำกว่า แต่มีข้อผูกมัด

การเลือกใช้ออปชั่นหรือฟิวเจอร์ส ขึ้นอยู่กับความชอบและเป้าหมายการลงทุนของคุณ สิ่งสำคัญคือคุณควรทำความเข้าใจในเครื่องมือที่เลือกใช้งาน ศึกษาความเสี่ยง และวิเคราะห์ตลาดอย่างรอบคอบก่อนเริ่มเทรด เพื่อเพิ่มโอกาสในการลงทุน

ที่มา:binance