การดำเนินคดีเกี่ยวกับคริปโตของ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) ในปี 2024 ลดลงอย่างน่าตกใจถึง 30% เมื่อเทียบกับปี 2023 ซึ่งถือเป็นปีที่ SEC มีการบังคับใช้สูงสุดในยุคของ Gary Gensler ตามข้อมูลจาก Cornerstone Research ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา
ในปี 2024 SEC ได้ดำเนินคดีเกี่ยวกับคริปโตเพียง 33 คดี ลดลงจาก 47 คดี ในปี 2023 สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงแนวทางการทำงานของหน่วยงานในช่วงปีสุดท้ายของ Gensler
แม้จำนวนคดีจะลดลง แต่บทลงโทษทางการเงินในปี 2024 กลับทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่เกือบ 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากข้อตกลงมูลค่า 4.5 พันล้านดอลลาร์กับ Terraform Labs
Gensler ซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดย Joe Biden ในปี 2021 ได้ก้าวลงจากตำแหน่งประธาน SEC เมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา หลังจากที่ Donald Trump เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ในรายงานระบุว่า กว่าครึ่งหนึ่งของการบังคับใช้กฎหมายของ SEC ในปี 2024 เกิดขึ้นในช่วงเดือนกันยายนและตุลาคม โดยมีเพียง 4 คดีที่เริ่มดำเนินการหลังจาก Donald Trump ชนะการเลือกตั้งสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายน
ข้อกล่าวหาที่ SEC ใช้บ่อยที่สุดในคดี คริปโต คือข้อหาฉ้อโกง ซึ่งมีการอ้างถึงใน 73% ของคดี รองลงมาคือข้อหาการเสนอขายหลักทรัพย์ที่ไม่ได้จดทะเบียนที่ 58%
นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มข้อกล่าวหาที่เกี่ยวกับการปั่นตลาดและการไม่จดทะเบียนเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์
ทั้งนี้ จากการดำเนินคดีเกี่ยวกับคริปโตของ SEC ทั้งหมด 207 คดี นับตั้งแต่ปี 2013 พบว่า 47% เกี่ยวข้องกับการเสนอขายเหรียญครั้งแรก ( ICO) และโทเคนแบบ Non-Fungible ( NFT)
อย่างไรก็ตาม หน่วยงาน SEC ภายใต้การนำของ Gensler มีการดำเนินคดีเกี่ยวกับคริปโตเพิ่มขึ้นมากถึงเกือบ 80% เมื่อเทียบกับช่วงที่ Jay Clayton ดำรงตำแหน่งในปี 2017 ถึง 2020
ที่มา:cointelegraph