ดูเหมือนว่า Gary Gensler อดีตประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) ได้กลับมารับตำแหน่งที่ MIT หลังจากพ้นจากตำแหน่งเพราะการมาของประธานาธิบดี Donald Trump
โดย Gensler จะกลับมาดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ด้าน Global Economics and Management Group และ Finance Group ที่ MIT Sloan School of Management ที่จะเน้นศึกษาเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ (AI), การเงิน, เทคโนโลยีทางการเงิน (FinTech) และนโยบายสาธารณะ
นอกจากนี้ เขายังดำรงตำแหน่งเป็นผู้ร่วมอำนวยการของโครงการ FinTechAI@CSAIL ในห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์และปัญญาประดิษฐ์ (CSAIL) ของ MIT ซึ่งจะมุ่งเน้นการพัฒนาและประยุกต์ใช้ AI ในภาคการเงิน
“ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้กลับมาที่ MIT ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการวิจัยและเทคโนโลยีล้ำสมัย ผมตื่นเต้นที่จะได้ร่วมงานกับคณาจารย์และนักวิจัยของ MIT เพื่อสร้างอนาคตที่ดียิ่งขึ้นผ่าน AI, การเงิน และเทคโนโลยี”
ในขณะเดียวกัน อดีตเจ้าหน้าที่กำกับดูแลที่เป็นมิตรกับวงการคริปโตอย่าง Paul Atkins ได้รับการเสนอชื่อจากประธานาธิบดี Trump ให้เป็นประธาน SEC คนใหม่ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ตำแหน่งประธาน SEC อยู่ภายใต้การดูแลชั่วคราวของ Mark Uyeda จนกว่าการแต่งตั้งของ Atkins จะได้รับการอนุมัติจากวุฒิสภาสหรัฐฯ
แม้ว่า Gensler จะอ้างว่าเขามีท่าที “เป็นกลางทางเทคโนโลยี” ในช่วงที่ดำรงตำแหน่งประธาน SEC แต่แนวทางการบังคับใช้กฎหมายของเขากลับถูกมองว่าเข้มงวดต่ออุตสาหกรรมคริปโตอย่างมาก โดยเขาเป็นผู้นำการฟ้องร้องบริษัทคริปโตรายใหญ่หลายแห่ง เช่น Coinbase, Binance, Kraken และ Ripple ซึ่งถูกวิจารณ์ว่าเป็นการ “กำกับดูแลโดยการบังคับใช้” มากกว่าการกำหนดกฎเกณฑ์ที่ชัดเจน
ภายใต้การบริหารของเขา SEC ปฏิเสธคำขอเปิดตัวกองทุน Spot Bitcoin ETF มาหลายปี ก่อนจะยอมอนุมัติในเดือนมกราคม 2024 หลังจากเผชิญแรงกดดันทางกฎหมายและการเมือง นอกจากนี้ Gensler ยังเคยเปรียบเทียบอุตสาหกรรมคริปโตกับ “ดินแดนไร้กฎหมาย” และกล่าวว่าคริปโตส่วนใหญ่ยกเว้น Bitcoin เป็นหลักทรัพย์ที่ไม่ได้จดทะเบียน ซึ่งทำให้หลายโครงการอาจละเมิดกฎหมายของสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม ก่อนดำรงตำแหน่งที่ SEC Gensler เคยเป็นอาจารย์ที่ MIT และสอนเกี่ยวกับเทคโนโลยีบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัล เขาเคยกล่าวถึงศักยภาพของ Bitcoin ว่าเป็น “ทองคำดิจิทัลยุคใหม่” และมีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจโลก แต่เมื่อเป็นผู้กำกับดูแล เขายืนยันว่าความสำคัญอันดับแรกของเขาคือการปกป้องนักลงทุนมากกว่าการโจมตีวงการคริปโตโดยตรง
ที่มา: TheBlock