ธนาคารข้ามชาติจากอังกฤษอย่าง Standard Chartered ได้ออกมาคาดการณ์ว่าราคา Bitcoin อาจพุ่งขึ้นไปแตะระดับ 500,000 ดอลลาร์ ในระยะยาว โดยพวกเขาประเมินว่าอาจใช้เวลาประมาณ 3 ปี กว่าที่สกุลเงินดิจิทัลชั้นนำนี้จะสามารถไปถึงเป้าหมายดังกล่าว ซึ่งการคาดการณ์นี้อิงจากการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินและการเข้าถึงการลงทุนในคริปโตที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนแนวโน้มขาขึ้นของ Bitcoin คือ การที่คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC) ได้ถอดถอนกฎ SAB 121 ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการให้บริการรับฝากสินทรัพย์ดิจิทัลของธนาคารขนาดใหญ่ นอกจากนี้ SEC ยังได้จัดตั้งหน่วยงานพิเศษขึ้นมาเพื่อวางกรอบระเบียบข้อบังคับที่ชัดเจนสำหรับตลาดคริปโต
Standard Chartered เชื่อว่า ความผันผวนของ Bitcoin อาจลดลง ในอนาคต เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินที่พัฒนาขึ้น รวมถึงการเติบโตของตลาด Exchange-Traded Fund (ETF) ซึ่งช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับ Bitcoin
อย่างไรก็ตาม ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ความผันผวนของ Bitcoin ยังคงสูง โดยดัชนีความผันผวน 30 วันของ Bitcoin พุ่งแตะระดับ 2.04 ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของปีนี้ และในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ราคาของ Bitcoin ร่วงลงไปถึง 91,530 ดอลลาร์ ก่อนที่จะดีดกลับขึ้นมาอย่างรวดเร็ว สร้างแท่งเทียนรายวันขนาดใหญ่กว่า 10,000 ดอลลาร์
นอกจากนี้ ธนาคารยังคาดการณ์ว่า Bitcoin อาจแตะระดับ 200,000 ดอลลาร์ภายในปีนี้ หากแนวโน้มเชิงบวกยังคงดำเนินต่อไป โดยปัจจุบันราคาของ Bitcoin อยู่ที่ประมาณ 98,736 ดอลลาร์ ตามข้อมูลจาก CoinGecko ซึ่งลดลงประมาณ 9.2% จากจุดสูงสุดตลอดกาลที่ 108,786 ดอลลาร์ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อ 16 วันก่อน
การคาดการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของสถาบันการเงินขนาดใหญ่ที่มีต่ออนาคตของ Bitcoin ท่ามกลางการยอมรับที่เพิ่มขึ้นจากภาคการเงินแบบดั้งเดิมและนักลงทุนสถาบัน
ทั้งนี้ บทความดังกล่าวเป็นเพียงแค่การเสนอข่าวเท่านั้น การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนอาจเสียเงินทั้งจำนวนได้ ดังนั้นผู้ลงทุนควรศึกษาและประเมินความเสี่ยงก่อนที่จะลงทุนในสินทรัพย์ใดๆ อยู่เสมอ
ที่มา: UToday