เมื่อปีที่ผ่านมาวงการคริปโตได้เห็นคดีปล้นครั้งใหญ่แบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เพราะได้มีกลุ่มมิจฉาชีพไม่กี่คนสามารถขโมยบิทคอยน์ไปได้ถึง 4,100 BTC คิดเป็นมูลค่าประมาณ $230 ล้าน (7.7 พันล้านบาท) จากเหยื่อเพียงรายเดียวเท่านั้น
สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวทางสยามบล็อกเชนเคยได้รายงานในบทความก่อนหน้า ซึ่งจะเห็นได้ว่า เจ้าหนี้เว็บเทรดที่ล่มไปแล้วอย่าง Genesis ได้ตกเป็นเหยื่อของการโจมตีทางไซเบอร์สุดแยบยลของเหล่ามิจฉาชีพที่ปลอมตัวเองเป็นฝ่ายสนับสนุนของ Google
หนึ่งในสมาชิกของกลุ่มมิจฉาชีพอย่าง Malone Lam ชายชาวสิงคโปร์ที่มีอายุเพียง 20 ปี ได้ออกมาให้การต่อศาลว่าเขานำเงินที่ได้มานั้นไปใช้กับอะไรบ้าง
Lam เปิดเผยว่าเขาได้ใช้เงินประมาณ $400,000-$500,000 ต่อหนึ่งคืน (16 ล้านบาท) ในสถานบันเทิง ทว่ารายงานไม่ได้ระบุว่าเขาเข้าใช้บริการกี่คืน แต่ใบเสร็จของสถานบริการดังกล่าวระบุว่ามีคืนหนึ่งที่เขาใช้จ่ายไปมากกว่า $569,528 และมีความพยายามที่จะชำระเงินเป็นคริปโต
หลักฐานยังชี้ให้เห็นว่า Lam มีการมอบกระเป๋าหรูให้กับสาว ๆ มากหน้าหลายตา ซึ่งคิดเป็นเงินมูลค่ารวมกว่าหลายหมื่นดอลลาร์
ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะนอกเหนือจากการปาร์ตี้สุดเหวี่ยงแล้ว Lam ยังได้มีการซื้อรถหรูไม่ว่าจะเป็น Lamborghini, Ferrari หรือ Porsches จำนวนมากถึง 31 คัน ซึ่งบางคันเป็นรุ่นสั่งทำพิเศษ และมีการเพ้นท์สี เป็นชื่อของเขา “Malone” บนตัวถังอีกด้วย
รายงานยังระบุอีกว่า Lam เคยได้มีการนั่งเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวบินตรงจากแอลเอ ไปยังไมอามี เพื่อปาร์ตี้และใช้จ่ายฟุ่มเฟือยต่อ โดยเขาได้ทำการเช่าบ้านหรูติดทะเลหลายหลังซึ่งหนึ่งในบ้านที่เขาเช่าคิดค่าบริการสูงถึงเดือนละ 2.2 ล้านบาท และปิดท้ายด้วยการนำเงินไปเปย์สถานบริการและเครื่องประดับหรู
อย่างไรก็ตาม Lam ถูกจับในวันที่ 18 กันยายน 2024 และอาจต้องโทษจำคุกนานถึง 20 ปี นอกจากนี้หน่วยงานยังสืบทราบด้วยว่า Lam ไม่ใช่พลเมืองอเมริกัน แต่เป็นนักท่องเที่ยวที่ใช้วีซ่าเข้ามาก่อเหตุ
จนกระทั่งล่าสุด ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมามีข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วโซเชียลมีเดียว่าตัวของ Lam อาจจะไม่ได้รับการต้องโทษจำคุก และจะถูกปล่อยตัวออกมาบำเพ็ญประโยชน์ให้สังคม โดยหนึ่งในข่าวลือที่น่าสนใจที่สุดคือข่าวที่ว่า Lam จะมาทำงานในฐานะทีมรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ให้กับ MicroStrategy (Strategy ในปัจจุบัน) ซึ่งข่าวลือดังกล่าวไม่มีหลักฐานใด ๆ ที่สนับสนุนและอาจเป็น fake news