ตลาดคริปโตเผชิญกับการร่วงลงอีกครั้ง หลังจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ประกาศขึ้นภาษีเหล็กและอะลูมิเนียม โดยกำหนดอัตราภาษีเหล็กนำเข้า 25% ตามรายงานของ Associated Press เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ การตัดสินใจครั้งนี้สร้างความกังวลต่อนักลงทุนทั่วโลก และทำให้ตลาดการเงินสั่นคลอน
ทรัมป์ยืนยันว่า สหรัฐฯ จะตอบโต้กลับประเทศที่เก็บภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ ด้วยมาตรการภาษีแบบ “reciprocal” หมายถึง มาตรการสั่งเก็บภาษีคืนจากประเทศที่เก็บภาษีสหรัฐฯ โดยกล่าวว่า “ถ้าพวกเขาเก็บภาษีเราถึง 130% ในขณะที่เรายังไม่ได้เก็บอะไรเลย ผมจะไม่ปล่อยให้มันเป็นแบบนั้นอีกต่อไป”
การประกาศดังกล่าวส่งผลให้ตลาดคริปโตกลายเป็นสีแดงเถือก นำโดยราคา Bitcoin ที่ร่วงลงจากระดับ $97,000 ลงไปต่ำสุดที่ $94,700 และในขณะที่รายงานมีการฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย กลับมาซื้อขายอยู่ที่ $95,937 ตามข้อมูลจาก Trading Veiw
ในขณะเดียวกัน ดัชนี Crypto Fear & Greed Index ยังคงติดอยู่ในโซน “ความกลัว” ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 44 จาก 100 คะแนน ล่าสุดในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ดัชนีลดลงเหลือ 43 จากเดิมที่ 46 ซึ่งสะท้อนถึงความไม่แน่นอนของตลาด
แผนภาษีของทรัมป์อาจเป็นแรงกดดันต่อตลาดคริปโตอีกระลอก เนื่องจากเขามีแผนจะเรียกเก็บภาษีใหม่กับกลุ่มประเทศในสหภาพยุโรป รวมถึงสินค้ากลุ่มเซมิคอนดักเตอร์, น้ำมัน, ก๊าซ, เหล็ก และทองแดง
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ทรัมป์ได้ประกาศภาษี 25% กับแคนาดาและเม็กซิโก และ 10% กับจีน ซึ่งทำให้ตลาดหุ้นและตลาดคริปโตปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ตลาดสามารถฟื้นตัวได้บางส่วน หลังจากที่สหรัฐฯ ตัดสินใจชะลอการขึ้นภาษีกับแคนาดาและเม็กซิโกเป็นเวลา 30 วัน แม้ว่าทรัมป์ยังไม่ได้ตัดสินใจว่า จะขยายระยะเวลานี้ออกไปหรือไม่
Ben Zhou CEO ของ Bybit คาดการณ์ว่า ผลกระทบจากนโยบายภาษีอาจนำไปสู่ Liquidation หรือการล้างพอร์ตมูลค่ารวมระหว่าง 8,000 – 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
นักลงทุนยังคงจับตาดูท่าทีของทรัมป์ต่อมาตรการภาษีในเดือนถัดไป ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อตลาดคริปโตอีกครั้ง หากมีการดำเนินมาตรการเพิ่มเติม นักลงทุนอาจต้องเตรียมรับมือกับความผันผวนที่เพิ่มขึ้นของตลาด
ที่มา:cointelegraph