Paolo Ardoino ซีอีโอของ Tether ออกมาเตือนว่า การพัฒนาของควอนตัมคอมพิวติ้ง (Quantum Computing) อาจทำให้กระเป๋าเงิน Bitcoin ที่ไม่ได้ใช้งาน รวมถึงกระเป๋าเงินของ Satoshi Nakamoto ตกอยู่ในความเสี่ยง โดยอาจมีช่องโหว่ เมื่อเทคโนโลยีควอนตัมมีความก้าวหน้า
คำเตือนนี้เกิดขึ้น หลังจากมีรายงานว่า Google คาดว่า แอปพลิเคชันของควอนตัมคอมพิวติ้ง จะถูกนำมาใช้ในเชิงพาณิชย์ภายใน 5 ปี
เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ Paolo Ardoino โพสต์ข้อความลงบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย X ย้ำว่า ความปลอดภัยทางด้านการเข้ารหัสของ Bitcoin ยังคงแข็งแกร่งในตอนนี้ แต่ยอมรับว่า หากควอนตัมคอมพิวติ้งก้าวหน้ามากขึ้น กระเป๋าเงิน Bitcoin ที่ไม่มีเจ้าของ หรือ keys สูญหาย รวมถึง Bitcoin ประมาณ 1.2 ล้านเหรียญที่เชื่อมโยงกับ Satoshi อาจถูกแฮ็กและนำกลับเข้าสู่ระบบ
Paolo Ardoino กล่าวว่า “Bitcoin ในกระเป๋าเงินที่หายไป รวมถึงของ Satoshi (หากเขาไม่ได้มีชีวิตอยู่แล้ว) อาจถูกแฮ็ก และกลับมาหมุนเวียนในตลาด”
อย่างไรก็ตาม เขายืนยันว่า การพัฒนาของควอนตัมคอมพิวติ้ง จะไม่กระทบต่อจำนวนอุปทานสูงสุดที่ 21 ล้าน BTC ของ Bitcoin
Paolo Ardoino กล่าวเสริมว่า “Bitcoin มีแค่ 21 ล้านเหรียญเท่านั้น ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงสิ่งนี้ได้ แม้แต่ควอนตัมคอมพิวติ้ง นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุด”
ความคิดเห็นของ Paolo Ardoino สอดคล้องกับ Emin Gün Sirer ผู้ร่วมก่อตั้ง Ava Labs ที่เคยระบุว่า ธุรกรรม Bitcoin ยุคแรก ๆ ใช้รูปแบบ Pay-to-Public-Key (P2PK) ซึ่งทำให้ keys สาธารณะถูกเปิดเผยและอาจถูกโจมตีได้ง่ายขึ้น
Emin Gün Sirer เสนอแนวทางป้องกัน Bitcoin ที่ใช้รูปแบบ P2PK โดยให้หยุดการถือครองแบบ P2PK หรือกำหนดวันหมดอายุสำหรับเหรียญที่ยังอยู่ในกระเป๋าเหล่านี้
Emin Gün Sirer กล่าวว่า “Bitcoin ที่ขุดโดย Satoshi ใช้รูปแบบ P2PK ซึ่งเผยแพร่ keys สาธารณะ ทำให้มีโอกาสถูกโจมตีได้ หากควอนตัมคอมพิวติ้ง เริ่มเป็นภัยคุกคาม ชุมชน Bitcoin อาจต้องพิจารณาการระงับเหรียญของ Satoshi หรือกำหนดวันหมดอายุสำหรับเหรียญที่อยู่ใน P2PK UTXOs”
ควอนตัมคอมพิวติ้งใช้หลักการของกลศาสตร์ควอนตัม ทำให้สามารถประมวลผลข้อมูลได้เร็วกว่าคอมพิวเตอร์ทั่วไปอย่างมหาศาล ซึ่งนำไปสู่ความกังวลว่า มันอาจสามารถเจาะระบบเข้ารหัสสมัยใหม่ รวมถึงเครือข่ายบล็อกเชนได้
ล่าสุด Google ได้เปิดตัวโปรเซสเซอร์ควอนตัมรุ่นใหม่ชื่อ Willow ทำให้เกิดการถกเถียงเกี่ยวกับภัยคุกคามจากควอนตัมคอมพิวติ้ง ขึ้นอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้ นักวิจัยคาดการณ์ว่า ภัยคุกคามนี้อาจจะเกิดขึ้นในอีก อย่างน้อย 10 ปีข้างหน้า แต่ Hartmut Neven หัวหน้าทีม Quantum AI ของ Google ระบุว่า
“เราเชื่อว่าภายใน 5 ปี เราจะได้เห็นแอปพลิเคชันที่เป็นไปได้เฉพาะบนควอนตัมคอมพิวเตอร์”
หากควอนตัมคอมพิวติ้งพัฒนาไปถึงจุดที่สามารถเจาะระบบเข้ารหัสได้จริง อาจนำไปสู่ความเสี่ยง เช่น การขโมยกุญแจส่วนตัว การแก้ไขธุรกรรมบนบล็อกเชน และการโจมตีเครือข่ายขุด Bitcoin ซึ่งจะกระทบต่อความมั่นคงของอุตสาหกรรมคริปโตโดยตรง
อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมคริปโตก็กำลังเตรียมรับมือกับภัยคุกคามนี้ โดยเครือข่ายบล็อกเชนอย่าง Solana กำลังพัฒนาเทคโนโลยีการเข้ารหัสที่ต้านทานต่อควอนตัม เพื่อให้แน่ใจว่า ระบบความปลอดภัยของบล็อกเชนจะสามารถปรับตัวตามเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าได้
ที่มา : coinpaprika