<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

หลักฐานใหม่โผล่! Jack Dorsey ผู้ร่วมก่อตั้ง Twitter อาจเป็นผู้สร้างบิทคอยน์ Satoshi Nakamoto 

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

เป็นเวลาหลายปีแล้ว ที่ตัวตนของ Satoshi Nakamoto ผู้สร้าง Bitcoin ยังคงเป็นปริศนา แต่ล่าสุดหลายคนเริ่มตั้งข้อสงสัยกันว่า Jack Dorsey ผู้ร่วมก่อตั้ง Twitter และ Square (ปัจจุบันคือ Block) อาจเป็น Satoshi Nakamoto ตัวจริง

ผู้ใช้งาน Reddit รายหนึ่งชื่อ Jehoseph ได้ออกมาวิเคราะห์ ถึงเหตุผลที่ Jack Dorsey อาจเป็น Satoshi Nakamoto พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า Jack Dorsey ไม่ใช่แค่ซีอีโอธรรมดา แต่เขามีพื้นเพมาจากสาย Cypherpunk ตั้งแต่ยุค 90s และเป็นหนึ่งใน 1,300 คนที่ถูกบันทึกว่า เป็น Cypherpunk ตั้งแต่ปี 1996 นอกจากนี้ ใน หนังสือรุ่นของมหาวิทยาลัย UMR ยังมีภาพของเขาสวมเสื้อที่มีชื่อของ Adam Back นักเข้ารหัสชื่อดังที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ Bitcoin ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งเบาะแสที่เชื่อมโยงเขากับแนวคิดแบบ Cypherpunk

อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจคือ ที่มหาวิทยาลัย UMR นักศึกษาที่นั่นถูกเรียกว่า “Miners” ซึ่งบังเอิญไปตรงกับแนวคิดของ การขุด Bitcoin ในเวลาต่อมา นอกจากนี้ Jack Dorsey ยังได้ศึกษาในสาขา คอมพิวเตอร์และคณิตศาสตร์ และแสดงให้เห็นถึงความสนใจด้าน cryptography อย่างจริงจังอีกด้วย

นอกจากนี้ เขายังเคยเป็นสมาชิกของ ACM (Association for Computing Machinery) ตั้งแต่ปี 1997-1999 และมีประสบการณ์ด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์ โดยเฉพาะการเขียนระบบตรวจสอบเอกสารวิชาการให้กับ Mira Digital Publishing

Jack Dorsey ยังมีความเชี่ยวชาญในหลายระบบปฏิบัติการ ทั้ง OpenBSD, Windows, Mac และ Linux และยังสามารถเขียนโค้ดได้หลากหลายภาษา เช่น C, Python, Java, Perl, PHP, OCaml, Lisp, ObjC และอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ ในปี 2000 เขายังเป็นสมาชิกของ Cypherpunk mailing list ซึ่งเป็นชุมชนสำคัญของกลุ่มนักเข้ารหัสที่มีแนวคิดต่อต้านระบบการเงินแบบดั้งเดิม

ในปี 2001 Jack Dorsey ได้เขียน manifesto เกี่ยวกับ การสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่โดยไม่ทิ้งร่องรอย ซึ่งสะท้อนถึงแนวคิดที่คล้ายกับการใช้นามแฝงของ Satoshi Nakamoto และในปีเดียวกัน เขายังเป็นสมาชิกของ Cryptome.org ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยมในหมู่ Cypherpunk และผู้ที่สนใจในความเป็นส่วนตัวทางดิจิทัล 

Jack Dorsey กับแนวคิดที่คล้าย Satoshi Nakamoto มาตั้งแต่แรก

ในปี 2003 Jack Dorsey ได้เขียน Bio ส่วนตัว โดยระบุว่า เขามีความสนใจใน Crypto, นามแฝง และการเขียนโค้ดตอนตี 4 ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่สอดคล้องกับรูปแบบการทำงานของ Satoshi Nakamoto ในช่วงแรกของ Bitcoin 

นอกจากนี้ ในปีเดียวกัน Dorsey ยังประกาศว่าจะเลิกใช้เงินดอลลาร์ และกำลังสร้าง เครือข่ายแลกเปลี่ยนสินค้าแบบ Barter ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดแบบ Decentralized Economy ที่คล้ายกับหลักการของ Bitcoin ที่ไม่ต้องพึ่งพาธนาคารหรือรัฐบาล

ที่น่าสนใจคือ Jack ยังเลือกใช้นามแฝง “Jak” แทน “Jack” ซึ่งอาจเป็นการบ่งบอกถึงความตั้งใจในการปกปิดตัวตน 

เหตุการณ์ที่ดูน่าสงสัยของ Jack Dorsey ในช่วงที่ Bitcoin ถือกำเนิด

เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2008 Jack Dorsey ได้ทวีตว่า “Around the horn and home again, for that’s the sailor’s way.” ซึ่งเป็นวลีที่เกี่ยวข้องกับนักเดินเรือ จากนั้นเพียง วันเดียว Bitcoin.org ก็ถูกจดทะเบียน ทำให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างเขากับ Satoshi Nakamoto

ในช่วงปี 2007-2009 Bio Twitter ของ Jack ระบุว่า เขาเป็น “Sailor” (นักเดินเรือ) ซึ่งน่าสนใจเพราะ โค้ดต้นฉบับของ Bitcoin เองก็มีคำกล่าวของชาวเรือโบราณที่ว่า
“Never go to sea with two chronometers; take one or three.”
ข้อความนี้อาจสะท้อนถึงแนวคิดของ Bitcoin ที่พยายามสร้างระบบเงินที่ไม่ต้องพึ่งพาคนกลาง

นอกจากนี้ โค้ดของ Bitcoin ถูก timestamp ตอนตี 4 ซึ่งเป็นเวลาที่ Jack มักจะเขียนโค้ด อีกทั้ง Vanity Address ในโค้ดต้นฉบับของ Bitcoin ยังมีคำว่า “NS17” (Nakamoto Satoshi 1/7) ซึ่งถูก timestamp ไว้ที่ 1 มกราคม 2009

ย้อนกลับเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2009 Satoshi Nakamoto ได้เผลอเข้า IRC chat และเปิดเผย IP ที่แคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นสถานที่เดียวกับที่ Jack Dorsey อาศัยอยู่ในช่วงเวลานั้น พอถึงวันที่ 11 มกราคม 2009 Bitcoin มีธุรกรรมครั้งแรก ซึ่งบังเอิญตรงกับ วันเกิดแม่ของ Jack

ต่อมาในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2009 Satoshi ได้สมัครบัญชีบน Bitcoin Forum ซึ่งก็เกิดขึ้นในวัน เกิดของ Jack อีกเช่นกัน และสุดท้าย 3 พฤษภาคม 2010 ซึ่งเป็นวันที่ Satoshi ขุดบล็อกสุดท้ายของเขา ก็บังเอิญตรงกับวันเกิดของพ่อ Jack

Jack Dorsey กับ Bitcoin หลัง Satoshi หายตัวไป

Jack Dorsey เคยอาศัยอยู่ที่ 2 Mint Plaza ในซานฟรานซิสโก (jD2m) ซึ่งต่อมา พบว่าเขาเคยส่ง Bitcoin ไปยังที่อยู่ที่มี “jD2m” เป็นส่วนหนึ่งของที่อยู่ธุรกรรม ซึ่งทำให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับความเกี่ยวข้องของเขากับ Satoshi Nakamoto

ในช่วงเวลาที่ Satoshi บอกกับ Martti Malmi ว่า “ยุ่งอยู่กับงาน” ก็เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ Jack กำลังเปิดตัว Square (Block) ซึ่งเป็นบริษัทด้านการชำระเงินที่ต่อมามีบทบาทสำคัญในการสนับสนุน Bitcoin

วันที่ 5 ธันวาคม 2010 Satoshi Nakamoto แนะนำว่า อย่าบริจาค Bitcoin ให้ Wikileaks ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่สำคัญในการรักษาความเป็นกลางของ Bitcoin จากแรงกดดันทางการเมือง 

อย่างไรก็ตาม เพียง 9 วันต่อมา (14 ธันวาคม 2010) Twitter ของ Jack ได้รับ คำสั่งศาลให้เปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ Wikileaks และเพียงหนึ่งวันก่อนหน้านั้น 13 ธันวาคม 2010 Satoshi ก็ หายตัวไปอย่างลึกลับ

ต่อมาในวันที่ 28 มีนาคม 2011 Jack Dorsey ได้รับตำแหน่ง Executive Chairman ของ Twitter ซึ่งเป็นการกลับมามีบทบาทสำคัญในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย และในวันที่ 23 เมษายน 2011 Satoshi ได้ส่งอีเมลครั้งสุดท้าย ก่อนจะหายตัวไปอย่างถาวร

เหตุการณ์เหล่านี้ทำให้เกิดคำถามว่า Jack Dorsey อาจเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง Satoshi Nakamoto หรือไม่ และเป็นไปได้หรือไม่ว่าเขาเลือกหายตัวไปจากบทบาทของ Satoshi เพื่อมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจของตัวเอง?

Jack Dorsey กับ Bitcoin หลังจากนั้น

ในปี 2012 Jack Dorsey ได้กล่าวถึง Bitcoin ว่าเป็น “movement ที่น่าทึ่ง” และบอกว่า Square อาจเริ่มใช้ Bitcoin หากได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลาย ซึ่งต่อมาในปี 2014 Square ก็ได้เริ่ม รับ Bitcoin อย่างเป็นทางการ

ในปี 2015 เพื่อนสนิทของ Jack อย่าง Alyssa Milano ได้ออกนิยายชื่อ Hacktivist ซึ่งเนื้อเรื่องเกี่ยวกับ ตัวเอกที่ใช้นามแฝง เพื่อปกปิดตัวตน ซึ่งดูคล้ายกับแนวคิดของ Satoshi Nakamoto เป็นอย่างมาก

จากนั้นในปี 2018 Square ได้ออก หนังสือเด็กเกี่ยวกับตำนานของ Satoshi Nakamoto โดยที่ตัวละครหลักในเรื่อง มีรูปลักษณ์ที่คล้ายกับ Jack Dorsey อย่างน่าสงสัย

ในปี 2020 ขณะที่ Jack Dorsey ให้สัมภาษณ์กับ Lex Fridman ได้มีการถามเขาตรงๆ ว่า เขาคือ Satoshi หรือเปล่า ซึ่ง Jack ตอบกลับไปว่า “ถ้าเป็น ผมก็ไม่ยอมรับหรอก” ซึ่งแตกต่างจากบุคคลอื่นๆ ที่ถูกสงสัยว่าเป็น Satoshi ซึ่งมักจะปฏิเสธอย่างชัดเจน อีกทั้งในปีเดียวกัน มีข้อความเซ็นจาก 145 address เก่าของ Bitcoin โดยหนึ่งในนั้นมีคำว่า “1jak” (ซึ่งอาจเป็น Jak = Jack?)

ในปี 2022 Jack ปรากฏตัวใน Podcast ของ Michael Saylor และที่ Super Bowl โดยสวมเสื้อที่มีคำว่า Satoshi เป็นการเล่นกับปริศนาที่ดูเหมือนจะส่งสัญญาณบางอย่างให้กับผู้คนที่ติดตาม Bitcoin

ต่อมาในปี 2023 Jack Dorsey ได้กล่าวที่งานสัมมนาแห่งหนึ่งว่า “Bitcoin และ Satoshi ในปี 2009 เป็นการรวมกันของวัยเด็ก ความอยากรู้อยากเห็น และสิ่งที่ผมรัก” ซึ่งฟังดูเหมือนเป็นการยอมรับกลายๆ ว่า เขาอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการสร้าง Bitcoin

ล่าสุดในปี 2024 Jack Dorsey ได้เข้าร่วมสนับสนุน COPA ในการฟ้องร้อง Craig Wright ซึ่งเป็นการพิสูจน์ว่า Craig Wright ไม่ใช่ Satoshi Nakamoto ทำให้เกิดคำถามใหม่ว่า ถ้า Craig ไม่ใช่ Satoshi แล้ว Satoshi ตัวจริงอยู่ที่ไหน? หรือเขากำลังบอกใบ้ว่าเขาเองคือ Satoshi  

เสียงวิจารณ์และข้อโต้แย้ง

หลายคนมองว่า Satoshi สร้าง Bitcoin เพื่อเป็น “เงินที่ไม่มีใครควบคุมได้”, ซึ่งขัดแย้งกับการที่ Twitter ภายใต้การนำของ Jack เคยถูกกล่าวหาว่า เซ็นเซอร์ข้อมูล

ซึ่งคนบางกลุ่มมองว่า หาก Jack เป็น Satoshi จริง เขาคงไม่ใส่เสื้อที่มีคำว่า “Satoshi” ไปออกงานสาธารณะ เช่น Super Bowl 2024

ในขณะที่ Jameson Lopp, นักพัฒนา Bitcoin ชื่อดัง วิจารณ์ว่า ทฤษฎีนี้อาจเป็นอันตรายต่อบุคคลที่ถูกกล่าวหา โดยระบุว่า “การกล่าวหาใครว่าเป็น Satoshi โดยไม่มีหลักฐานแน่ชัด เป็นเรื่องอันตราย เพราะมันอาจทำให้พวกเขาตกเป็นเป้าหมาย”

แม้จะมีหลักฐานเชื่อมโยงหลายจุด แต่ก็ยังไม่มี “หลักฐานมัดตัว” ที่พิสูจน์ได้ 100% ว่า Jack Dorsey คือ Satoshi Nakamoto หรือไม่ 

อย่างไรก็ตาม ทฤษฎีนี้ยังคงเป็นหนึ่งในแนวคิดที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในโลกคริปโต และยังไม่มีใครออกมาโต้แย้งทฏษฏีนี้อย่างจริงจัง