Warren Buffett เป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ภายใต้การบริหารของเขา หุ้น Berkshire Hathaway สามารถทำกำไรเฉลี่ย 20% ต่อปี ตั้งแต่ปี 1965 ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ Buffett เป็นแรงบันดาลใจให้กับนักลงทุนจำนวนมาก และหนึ่งในคำแนะนำหลักของเขาก็คือ ลงทุนในกองทุนดัชนี S&P 500 ซึ่งเป็นการลงทุนที่ไม่ต้องใช้ความพยายามมาก แต่ให้ผลตอบแทนที่สม่ำเสมอในระยะยาว
ตัวของดัชนี S&P 500 เป็นดัชนีที่ใช้ติดตามบริษัทขนาดใหญ่ของสหรัฐฯจำนวน 500 บริษัท ซึ่งจะเห็นได้ว่าตลอด 3 ทศวรรษที่ผ่านมา มูลค่าของ S&P 500 นั้นเพิ่มขึ้นกว่า 2,100% คิดเป็นการเติบโตแบบทบต้นอยู่ที่ 10.86% ต่อปี ช่วงเวลาดังกล่าวครอบคลุมสภาวะเศรษฐกิจและตลาดที่หลากหลาย
ดังนั้น หากนำเงิน $400 (ประมาณ 14,000 บาท) มาลงทุนทุกเดือนในกองทุน Vanguard S&P 500 ETF (VOO) และถือไว้เป็นเวลา 30 ปี จะสามารถสร้างพอร์ตมูลค่า $868,200 (ประมาณ 30.4 ล้านบาท) ได้ โดยอิงจากอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีที่ 10.5%
อย่างไรก็ตามแม้จะทำผลงานได้ดีและเป็นการลงทุนที่แทบไม่ต้องเสี่ยง แต่เมื่อเทียบกับดาวรุ่งดวงใหม่อย่าง Bitcoin แล้วถือว่าเทียบได้แทบไม่ติด
หากนำข้อมูลมาคำนวนคร่าว ๆ พบว่า ถ้าลงทุน Bitcoin ด้วยเงิน $400 ในปี 2011 หรือช่วงที่ Bitcoin กำลังเริ่มเป็นที่รู้จักในช่วงแรก ปัจจุบันเงินก้อนดังกล่าวจะมีมูลค่ามากถึง $8.1 ล้าน ในปัจจุบัน โดยใช้เวลาจำนวนทั้งสิ้นเพียง 14 ปีเท่านั้น โดยมันใช้เวลาน้อยกว่า S&P 500 ถึงเท่าตัว แต่กลับใช้ต้นทุนและผลตอบแทนที่ต่ำกว่าเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังเป็นการลงทุนเพียงครั้งเดียวแบบไม่ต้องติดตามอีกด้วย
นอกจากนี้ หากใช้กลยุทธ์ DCA (Dollar-Cost Averaging) โดยลงทุนใน Bitcoin เดือนละ $400 ติดต่อกันเป็นเวลา 9 ปี เงินลงทุนรวม $48,000 อาจเติบโตเป็น $862,213 ซึ่งให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับ S&P 500 แต่ใช้ระยะเวลาน้อยกว่ามาก
อย่างไรก็ตาม การที่นักลงทุน Bitcoin จะมาถึงจุดนี้ได้ถือใช้ความอดทนต่อกับความผันผวนมากกว่า S&P 500 หลายเท่า แต่ผลตอบแทนที่ได้กลับมานั้นก็สมน้ำสมเนื้อกับความเสี่ยงที่ได้แบกรับไว้ตลอด 10 กว่าปีที่ผ่านมา
- ที่มา : The Motley fool
- ภาพ : money times
การลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซีมีความเสี่ยงและอาจสูญเงินได้ทั้งจำนวน นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้พร้อมก่อนเริ่มการลงทุน