ตำรวจเกาหลีใต้กำลังตามล่าผู้ต้องสงสัยที่ถูกกล่าวหาว่า ขโมยเงินสดมูลค่า 240 ล้านวอน (ประมาณ 167,000 ดอลลาร์) ในระหว่างการซื้อขาย USDT แบบ OTC (Over-the-Counter) โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ที่เมืองอินชอน ตามรายงานของสำนักข่าว Yonhap ของเกาหลีใต้
เจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจอินชอนตะวันตก เปิดเผยเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ว่า เหยื่อซึ่งเป็นชายวัยประมาณ 30 ปี ได้ตอบรับโพสต์หนึ่งในห้องแชทสาธารณะบน KakaoTalk ซึ่งมีบุคคลหนึ่งได้เสนอขาย USDT ในราคาที่ต่ำกว่าตลาด หลังจากพูดคุยกันผ่านแอปฯ ทั้งสองฝ่าย จึงตกลงนัดพบกันที่ชั้น 1 ของอาคารพาณิชย์ในย่านซอกนัม ทางฝั่งตะวันตกของอินชอน
สถานีตำรวจอินชอนซอบู ในเมืองอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ (ที่มา: hyolee2 [CC BY-SA 3.0])
เหยื่อเล่าว่า เขานำเงินสดใส่ถุงกระดาษและวางไว้บนพื้น เพื่อจะทำธุรกรรม ตามที่ตกลงกันไว้ แต่ขณะที่เขาเผลอหันไปมองทางอื่นเพียงแค่เสี้ยววินาที ผู้ขายกลับฉกถุงเงินและวิ่งหนีไป ปล่อยให้เหยื่อช็อกกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ตำรวจระบุว่า ผู้ต้องสงสัยอาจมาจากประเทศในแถบเอเชียกลาง แต่ยังไม่สามารถระบุสัญชาติที่แน่ชัดได้ ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการสืบสวนเพื่อติดตามตัว โดยเจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า แม้ว่าการกระทำนี้จะเข้าข่าย “การลักทรัพย์” แต่ยังต้องรอให้จับกุมตัวผู้ต้องสงสัยได้ก่อน จึงจะสามารถสรุปข้อกล่าวหาได้อย่างเป็นทางการ
สิ่งที่น่าสนใจคือ แม้จะเกิดคดีลักษณะนี้ขึ้น แต่ก็ยังมีคนจำนวนมากในเกาหลีใต้ที่ทำธุรกรรม USDT แบบ OTC ผ่านห้องแชต KakaoTalk โดยสื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ยังพบโพสต์จำนวนมากจากผู้ที่ต้องการแลกเปลี่ยนเหรียญคริปโตเป็นเงินสดแบบพบปะกันโดยตรง
ความนิยมของ USDT เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในเกาหลีใต้ โดยเฉพาะในอินชอนและเมืองใกล้เคียงกับกรุงโซล ซึ่งเมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว เคยมีคดีคล้ายกันที่กลุ่มคนร้าย 4 คน ขโมยเงินจากเหยื่อไปมูลค่า 735,000 ดอลลาร์ โดยตำรวจกล่าวว่า ขบวนการอาชญากรรมที่มีอิทธิพลในอินชอน เริ่มเล็งเป้าหมายไปที่นักเทรดคริปโตที่ไม่ระมัดระวังมากขึ้น
คิม (นามสมมติ) ชาวเมืองอิลซาน ในจังหวัดคยองกี ให้สัมภาษณ์ว่า “ทุกวันนี้แทบทุกคนรอบตัวฉันมีความสนใจในคริปโต ไม่ก็เป็นนักเทรดไปแล้ว มีการพูดถึงคริปโตกันเยอะมาก โดยเฉพาะเหรียญ Stablecoin อย่าง USDT” ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ตลาดคริปโตในเกาหลีใต้ยังคงเติบโตอย่างรวดเร็ว แม้จะมีคดีฉ้อโกงและการโจรกรรมเพิ่มขึ้นก็ตาม
ที่มา : cryptonews