<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Bitcoin ETF เผชิญเงินไหลออกครั้งใหญ่ที่สุดเป็นประวัติการณ์ ทะลุ 937.9 ล้านดอลลาร์!

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ดูเหมือนว่ากองทุน Bitcoin Exchange-Traded Funds (ETFs) ในสหรัฐฯ ประสบปัญหาการไหลออกของเงินลงทุนรายวันสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ท่ามกลางราคาของ Bitcoin ที่ยังคงซื้อขายต่ำกว่าระดับ 90,000 ดอลลาร์

เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ตามเวลาท้องถิ่น กองทุน Bitcoin ETF ทั้ง 11 แห่ง มียอดเงินไหลออกสุทธิรวมกันถึง 937.9 ล้านดอลลาร์ โดยนับเป็นวันที่หกติดต่อกันแล้วที่เกิดกระแสเงินออกจากกองทุน ตามข้อมูลจาก CoinGlass

กระแสการไหลออกนี้ เกิดขึ้นหลังจากตลาดคริปโตเผชิญภาวะร่วงหนัก โดยราคาของ Bitcoin ร่วงลง 3.4% ในวันเดียว ดิ่งลงไปแตะระดับต่ำสุดที่ 86,140 ดอลลาร์ จากจุดสูงสุดระหว่างวันซึ่งอยู่ที่กว่า 92,000 ดอลลาร์

โดย “Fidelity Wise Origin Bitcoin Fund (FBTC)” เป็นกองทุนที่สูญเสียมากที่สุด ด้วยยอดเงินไหลออกถึง 344.7 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดใหม่ของกองทุน ตามมาด้วย “iShares Bitcoin Trust (IBIT)” ของ BlackRock มีเงินไหลออกตามมาติด ๆ ที่ 164.4 ล้านดอลลาร์

ในขณะเดียวกันกองทุน Bitwise Bitcoin ETF (BITB) มีเงินไหลออก 88.3 ล้านดอลลาร์ และ Grayscale สูญเสียเงินทุนรวมกัน 151.9 ล้านดอลลาร์ โดยแบ่งเป็น 66.1 ล้านดอลลาร์จาก “Grayscale Bitcoin Trust (GBTC)” และ 85.8 ล้านดอลลาร์จาก “Bitcoin Mini Trust ETF (BTC)”

ตลอดทั้งเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา กองทุน ETF ทั้ง 11 แห่ง สูญเสียเงินลงทุนไปราว 2.4 พันล้านดอลลาร์ โดยมีเพียง 4 วันเท่านั้นที่มียอดเงินไหลเข้า

Nate Geraci ประธาน ETF Store แสดงความเห็นผ่านแพลตฟอร์ม X เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ว่า “ยังคงประหลาดใจกับการที่ตลาดการเงินแบบดั้งเดียวยังคงต่อต้าน Bitcoin และคริปโต” พร้อมเสริมว่า “แม้จะเกิดการปรับฐานใหญ่แค่ไหน มันก็จะไม่หายไป”

ในขณะที่ นักวิเคราะห์ เช่น Arthur Hayes ผู้ร่วมก่อตั้ง BitMEX และ Markus Thielen หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ 10x Research ชี้ว่า นักลงทุนส่วนใหญ่ใน Bitcoin ETF เป็นกองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่มองหากำไรจากกลยุทธ์อาร์บิทราจ ไม่ใช่ผู้ถือ Bitcoin ระยะยาว

Hayes คาดการณ์ว่า Bitcoin อาจร่วงลงไปแตะ 70,000 ดอลลาร์ หากกระแสเงินไหลออกจาก ETF ยังคงดำเนินต่อไป โดยเขาอธิบายว่า นักลงทุนจำนวนมากที่ถือ IBIT เป็นเฮดจ์ฟันด์ที่ใช้กลยุทธ์ “long ETF, short CME futures” เพื่อรับผลตอบแทนที่สูงกว่าพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ระยะสั้น แต่หากอัตราผลตอบแทนนี้ลดลงตามราคาของ Bitcoin พวกเขาจะขาย IBIT และซื้อคืนสัญญา Bitcoin Futures

ที่มา: Cointelegraph