<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

โจ๋ญี่ปุ่นใช้ ChatGPT ช่วยปั๊มซิมเป็นพัน ขายแลกคริปโต ก่อนโดนรวบ !

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันในญี่ปุ่น เมื่อวัยรุ่น 3 คนอายุเพียง 14-16 ปี ถูกตำรวจจับกุมในข้อหาแฮกระบบของ Rakuten Mobile เพื่อเปิดเบอร์โทรศัพท์แบบผิดกฎหมายมากกว่า 1,000 หมายเลข แล้วนำไปขายต่อผ่านแอปพลิเคชัน Telegram พวกเขาไม่ได้แฮกด้วยวิธีธรรมดา แต่ใช้ AI อย่าง ChatGPT มาช่วยพัฒนาโปรแกรมให้สามารถล็อกอินเข้าไปในระบบของ Rakuten Mobile ได้โดยอัตโนมัติ ซึ่งส่งผลให้พวกเขากวาดเงินไปได้มากถึง 750,000 บาทในสกุลเงินคริปโต ก่อนที่ตำรวจจะตามสืบจนพบเบาะแสและจับกุมตัวทั้งหมด

วัยรุ่นทั้งสามคนประกอบไปด้วยนักเรียนมัธยมต้นและมัธยมปลายจากจังหวัดชิงะ กิฟุ และโตเกียว พวกเขาไม่ได้เป็นแฮกเกอร์มืออาชีพ แต่รู้จักกันจากการเล่นเกมออนไลน์ ก่อนจะไปพัวพันกับเครือข่ายที่ซื้อขายข้อมูลบัญชีผู้ใช้บน Telegram ซึ่งเป็นแอปแชตเข้ารหัสที่นิยมใช้ในหมู่แฮกเกอร์ การสืบสวนพบว่า พวกเขาได้ซื้อข้อมูลบัญชีที่มีทั้งอีเมลและรหัสผ่านมากกว่า 2 พันล้านชุด จากตลาดมืด แล้วนำมาทดลองล็อกอินเข้าไปในระบบของ Rakuten Mobile จนพบว่าหลายบัญชีสามารถเข้าได้จริง

เมื่อพวกเขาสามารถเข้าถึงบัญชีผู้ใช้ได้แล้ว พวกเขาก็ใช้ช่องโหว่ของ Rakuten Mobile ซึ่งอนุญาตให้ 1 บัญชีสมัครเบอร์โทรศัพท์ได้สูงสุดถึง 15 หมายเลข ทำให้แค่ล็อกอินสำเร็จเพียงครั้งเดียว พวกเขาก็สามารถเปิดเบอร์ใหม่ได้หลายเบอร์ในคราวเดียว จากนั้นจึงนำหมายเลขที่ได้ไปขายต่อให้กับบุคคลอื่นผ่าน Telegram โดยรับชำระเงินเป็นคริปโตเคอเรนซี การกระทำเช่นนี้ทำให้พวกเขาทำเงินไปได้มหาศาลโดยไม่ต้องออกจากบ้าน

สิ่งที่ทำให้คดีนี้น่าสนใจคือ พวกเขาไม่ได้ใช้เพียงแค่ทักษะการเขียนโปรแกรมเท่านั้น แต่ยังนำ AI อย่าง ChatGPT มาช่วยในการพัฒนาโปรแกรม ทำให้ระบบแฮกมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย ทั้งทำงานได้เร็วขึ้น และสามารถล็อกอินเข้าไปในบัญชีได้โดยอัตโนมัติ เมื่อตำรวจเข้าตรวจสอบคอมพิวเตอร์ของหนึ่งในผู้ต้องหา พบหลักฐานการแฮกที่ประสบความสำเร็จจำนวนมาก ซึ่งเป็นตัวชี้ชัดว่า พวกเขาได้ใช้โปรแกรมที่พัฒนาขึ้นมานี้ในการก่ออาชญากรรมจริง

เมื่อตำรวจจับกุมตัวได้และสอบสวน หนึ่งในวัยรุ่นให้การว่า “ผมอยากอวดในโซเชียล อยากให้คนอื่นมองว่าเราฉลาด เป็นแฮกเกอร์ตัวจริง” สะท้อนให้เห็นถึงแรงจูงใจในการกระทำความผิดที่ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้องเท่านั้น แต่แสดงถึงความต้องการที่อยากการยอมรับจากสังคมด้วย

คดีนี้ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์แฮกที่ใช้ AI ช่วยในการก่อเหตุครั้งใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น แถมยังเป็นครั้งแรกที่มีการจับกุมวัยรุ่นที่ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ในการกระทำผิด ตำรวจญี่ปุ่นกำลังขยายผลการสอบสวนเพื่อหาผู้ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม รวมถึงกำลังตรวจสอบว่าใครเป็นผู้ซื้อเบอร์โทรศัพท์ที่ถูกแฮกมาไปใช้งาน ด้าน Rakuten Mobile เองก็อาจต้องเผชิญกับแรงกดดันให้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยให้แน่นหนายิ่งขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นอีกในอนาคต

ที่มา : yomiuri