Paolo Ardoino ซีอีโอของ Tether และบุคคลสำคัญแห่งวงการคริปโต ได้ขึ้นเวทีในงาน Cantor Fitzgerald Global Technology Conference ที่นิวยอร์ก เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ท่ามกลางเสียงปรบมือและการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากผู้เข้าร่วมงาน
Paolo Ardoino สร้างความแตกต่างจากผู้เข้าร่วมประชุมคนอื่น ๆ ไม่ใช่เพราะความมั่งคั่งของเขา แต่เป็นเพราะสไตล์การแต่งตัวที่ดูสบาย ๆ ในเสื้อโปโล Ralph Lauren สีฟ้าอ่อน และกางเกงสีกากี ซึ่งตรงกันข้ามกับบรรยากาศของงานที่เต็มไปด้วยเหล่านักธุรกิจที่แต่งตัวเต็มยศ
Paolo Ardoino กล่าวเปิดว่า “นี่เป็นครั้งแรกที่ผมมาอเมริกา มันสวยงามมาก ผมรู้สึกได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี”
แม้ว่า Tether จะเป็นบริษัทระดับโลก แต่ Paolo Ardoino เคยหลีกเลี่ยงการเดินทางมายังสหรัฐฯ เป็นเวลานาน ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะ Tether เคยตกเป็นเป้าของหน่วยงานภาครัฐหลายแห่ง เช่น กระทรวงยุติธรรม (DOJ), คณะกรรมการกำกับสินค้าโภคภัณฑ์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (CFTC) และสำนักงานบริการทางการเงินแห่งรัฐนิวยอร์ก (NYDFS)
แต่ทุกอย่างกำลังเปลี่ยนไป เนื่องจากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา Paolo Ardoino เดินสายเยือนสหรัฐฯ อย่างเต็มที่ โดยมีการโพสต์ภาพตัวเองที่อาคารรัฐสภาในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และเข้าร่วมงานสัมมนากับ Jack Mallers ซีอีโอของ Strike
บริษัท Tether มีพนักงานเพียง 150 คน กระจายอยู่ใน 50 ประเทศทั่วโลก ได้เคลียร์ข้อกล่าวหากับ CFTC และผ่านการสอบสวนของ NYDFS ไปแล้วตั้งแต่ปี 2021 แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ก็มีรายงานจำนวนมากว่า กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DOJ) กำลังสืบสวนบริษัท Tether อยู่
Paolo Ardoino กล่าวกับผู้เข้าร่วมงานว่า “เราเคยผ่านนรกมาแล้ว มีคนพูดกันว่า ถ้าผมเข้ามาในสหรัฐฯ ผมอาจถูกจับกุม แต่สุดท้ายผมก็ยังอยู่ตรงนี้”
ในปี 2024 Tether ทำกำไรได้ถึง 13,000 ล้านดอลลาร์ และยังคงเป็นเจ้าตลาด Stablecoin ด้วย โดยครองส่วนแบ่งตลาดกว่า 60% และมีคู่แข่งอย่าง USDC ของ Circle ที่ตามมาเป็นอันดับสอง
Paolo Ardoino เดินทางมาเยือนสหรัฐฯ ในช่วงเวลาที่สภานิติบัญญัติของสหรัฐฯ กำลังกำกับดูแลตลาด Stablecoin ซึ่งมีมูลค่ามากถึง 200,000 ล้านดอลลาร์ และยังคงเติบโตอย่างรวดเร็ว
ปัจจุบัน Tether ครองส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับหนึ่ง ด้วยมูลค่า 143,000 ล้านดอลลาร์ ผ่านเหรียญ USDT ขณะที่คู่แข่งจากฝั่งสหรัฐฯ อย่าง Circle ตามมาเป็นอันดับสอง ด้วยมูลค่า 58,000 ล้านดอลลาร์ ผ่านเหรียญ USDC
แม้ว่า Tether จะเป็นบริษัทนอกอาณาเขต และเพิ่งประกาศแผนตั้งสำนักงานใหญ่ที่ เอลซัลวาดอร์ แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้แสดงความสนใจที่จะเข้าสู่ตลาดคริปโตของสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ระหว่าง Tether กับสหรัฐฯ นั้นซับซ้อนและลึกซึ้งกว่าที่คิด
Tether ถือเป็นหนึ่งใน ผู้ซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ รายใหญ่ที่สุด โดยปัจจุบันถือครองพันธบัตรและหลักทรัพย์ที่รัฐบาลค้ำประกันมูลค่าเกือบ 100,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อใช้เป็นสินทรัพย์สำรองสำหรับเหรียญ USDT
หากเปรียบเป็นประเทศ Tether จะติดอันดับ 20 อันดับแรกของผู้ถือหนี้สหรัฐฯ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ Scott Bessent รัฐมนตรีคลังของสหรัฐฯ กล่าวในการประชุม White House Digital Asset Summit ว่า Stablecoin คือกุญแจสำคัญในการรักษาความเป็นผู้นำของเงินดอลลาร์สหรัฐ ในฐานะสกุลเงินสำรองหลักของโลก และแนวคิดนี้ก็เป็นสิ่งที่ Paolo Ardoino ย้ำมาโดยตลอด
นอกจากนี้ Tether ยังได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารของ Donald Trump โดยเฉพาะจาก Howard Lutnick รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และอดีตซีอีโอของ Cantor Fitzgerald บริษัทด้านบริการทางการเงินระดับโลก เป็น หนึ่งในโบรกเกอร์หลักทรัพย์รายใหญ่ ของ Wall Street ที่ดูแลพันธบัตรสหรัฐฯ ของ Tether
ซึ่งตามรายงานจาก The Wall Street Journal ระบุว่า Cantor Fitzgerald ยังถือครองพันธบัตรแปลงสภาพของ Tether แม้ว่า Howard Lutnick จะยืนยันว่า Cantor Fitzgerald ไม่มีหุ้นในบริษัท Tether ก็ตาม
นอกจากนี้ Tether ยังเตรียมก้าวเข้าสู่ตลาด AI และการโทเค็นสินทรัพย์ในโลกจริง (RWA – Real World Asset Tokenization) ซึ่ง Paolo Ardoino กล่าวว่า “ปีนี้จะเป็นปีที่ยอดเยี่ยม”
Paolo Ardoino เปิดเผยเมื่อปีที่แล้วว่า Tether ได้ร่วมมือกับหน่วยงานรัฐบาลของสหรัฐฯ อย่าง FBI และ Secret Service โดยอนุญาตให้เข้าถึงแพลตฟอร์มของบริษัท เพื่อช่วยในการ ต่อต้านกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นความพยายามที่แสดงให้เห็นว่า Tether ไม่ได้เป็นเพียงบริษัทคริปโตที่ดำเนินการนอกอาณาเขต แต่ยังมีบทบาทสำคัญต่อระบบการเงินของสหรัฐฯ ด้วย
ในด้านการลงทุน Tether ได้กลายเป็น ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของแพลตฟอร์มแชร์วิดีโอ Rumble มูลค่า 775 ล้านดอลลาร์ ซึ่ง Chris Pavloski ซีอีโอของ Rumble ได้ประกาศแผนพัฒนา กระเป๋าเงินคริปโต บนแพลตฟอร์ม และเตรียมรองรับการชำระเงินด้วย USDT, BTC และ XAUT (เหรียญ Stablecoin ที่มีทองคำค้ำประกันของ Tether)
ที่มา: coindesk