ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (Bank of Korea – BOK) ยังคงระมัดระวังในการพิจารณานำบิตคอยน์มาเป็นทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ แม้จะมีเสียงเรียกร้องจากนักการเมืองบางกลุ่มและล็อบบี้ คริปโต ให้รัฐบาลเดินหน้าตามความคิดนี้
ตามรายงานจาก Korea Herald ระบุว่า เมื่อวันที่ 16 มีนาคม ชา กยู-กึน (Cha Gyu-geun) สมาชิกคณะกรรมการวางแผนและการคลังของรัฐสภา ได้กล่าวถึงแนวโน้มที่เกาหลีใต้จะเดินรอยตามประเทศอื่น ๆ ในการถือครองบิตคอยน์ เป็นสินทรัพย์สำรองของประเทศว่า ยังไม่เคยมีการหารือ หรือพิจารณาเรื่องการเพิ่มบิตคอยน์ เข้าสู่กองทุนสำรองเลย พร้อมย้ำว่า ความผันผวนของราคาบิตคอยน์ ทำให้ต้องใช้แนวทางที่ระมัดระวัง
ซึ่งธนาคารกลางเกาหลีใต้ตั้งข้อสังเกตว่า บิตคอยน์ มีความผันผวนสูงมาก และ หากตลาดคริปโตเผชิญกับความไม่แน่นอน ต้นทุนค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรม เพื่อแลกเปลี่ยนบิตคอยน์ ไปเป็นเงินสด อาจเพิ่มขึ้นมหาศาล
ตลอดช่วง 30 วันที่ผ่านมา ราคาบิตคอยน์ ผันผวนอย่างรุนแรง โดยราคาพุ่งแตะระดับสูงสุดที่ 98,000 ดอลลาร์ และร่วงลงต่ำสุดถึง 76,000 ดอลลาร์ ก่อนจะมาซื้อขายอยู่ที่ระดับ 83,000 ดอลลาร์ในปัจจุบัน ซึ่งราคาลดลงประมาณ 15% จากเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ตามข้อมูลของ CoinGecko
ความผันผวนที่รุนแรงแบบนี้ทำให้ธนาคารกลางเกาหลีใต้มองว่า บิตคอยน์ ยังไม่เหมาะที่จะใช้เป็นสินทรัพย์สำรองของประเทศ
อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจของธนาคารกลางเกาหลีใต้เกิดขึ้นท่ามกลางกระแสการถกเถียงระดับโลก เกี่ยวกับบทบาทของคริปโตในระบบการเงินของรัฐ หลังจากที่โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ลงนามในคำสั่งบริหาร เมื่อช่วงต้นเดือนนี้ เพื่อจัดตั้ง strategic Bitcoin reserve และ digital asset stockpile ซึ่งทำให้หลายประเทศเริ่มจับตามองทิศทางของสหรัฐฯ ในเรื่องนี้
เมื่อวันที่ 6 มีนาคมที่ผ่านมา กลุ่มล็อบบี้ในวงการคริปโตและนักการเมืองจากพรรคประชาธิปไตยเกาหลี ได้เรียกร้องให้รัฐบาลนำ Bitcoin มาเป็นส่วนหนึ่งของกองทุนสำรองประเทศ และพัฒนา Stablecoin ที่อิงกับเงินวอน
อย่างไรก็ตาม นักวิชาการหลายคนก็ยังไม่เห็นด้วย โดย ศาสตราจารย์ Yang Jun-seok จากมหาวิทยาลัยคาธอลิกเกาหลี ให้ความเห็นว่า “กองทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ ควรถูกถือไว้ ตามสัดส่วนของสกุลเงินของประเทศที่เราค้าขายด้วย”
ส่วน ศาสตราจารย์ Kang Tae-soo จาก KAIST Graduate School of Finance มองว่า “สหรัฐฯ น่าจะใช้ Stablecoins มากกว่า Bitcoin เพื่อรักษาความเป็นมหาอำนาจของเงินดอลลาร์ และสิ่งที่สำคัญคือ IMF จะยอมรับ Stablecoins เป็นทุนสำรองหรือไม่ในอนาคต”
ซึ่งเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา หน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินของเกาหลีใต้ ได้เริ่มศึกษาทิศทางกฎหมายเกี่ยวกับสินทรัพย์คริปโตของ สำนักงานบริการทางการเงินของญี่ปุ่น (FSA) รวมถึงแนวโน้มการยกเลิกการแบนกองทุน ETF ที่อ้างอิงกับคริปโต ในประเทศ
แม้ว่าเกาหลีใต้ยังไม่รีบก้าวเข้าสู่ strategic Bitcoin reserve แต่จากแนวโน้มที่หลายประเทศเริ่มปรับตัว อาจทำให้ท่าทีของธนาคารกลางเกาหลีใต้ เปลี่ยนแปลงในอนาคต
ที่มา : cointelegraph