Elon Musk เปิดเผยว่าเป้าหมายของเขาคือการเปลี่ยน X ให้กลายเป็นศูนย์กลางชีวิตทางการเงินของผู้คนทั่วโลก ไม่ใช่เพียงแพลตฟอร์มสำหรับการส่งข้อความหรือชำระเงิน แต่เป็นระบบที่ครอบคลุมทุกอย่าง แผนนี้เริ่มต้นจากการเปลี่ยนชื่อ Twitter เป็น X ซึ่งเขายืนยันว่าไม่ใช่แค่การรีแบรนด์ แต่เป็นจุดเริ่มต้นของวิสัยทัศน์ขนาดใหญ่
“เราต้องการให้ X เป็นแพลตฟอร์มที่รวมการสื่อสารและการจัดการการเงินทั้งหมดไว้ในที่เดียว” Musk กล่าวในการให้สัมภาษณ์ โดยชี้ว่าจะไม่มีความจำเป็นต้องสลับแอปพลิเคชัน หรือพึ่งพาธนาคารอีกต่อไป ทุกอย่างจะอยู่บน X
เขายังเสริมว่าแพลตฟอร์มนี้จะกลายเป็น “ฐานข้อมูลการเงินที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมา” ด้วยความสามารถในการประมวลผลแบบเรียลไทม์ ลดโอกาสในการเกิดการฉ้อโกง และอาจเติบโตจนกลายเป็น “ครึ่งหนึ่งของระบบการเงินโลก”
เป้าหมายต่อไป: เอาชนะ WeChat
Musk ต้องการให้ X เติบโตเหนือ WeChat แอปจีนที่รวมทุกบริการในหนึ่งเดียว ทั้งการสื่อสาร การเงิน การซื้อขาย และการให้บริการทางธุรกรรม แต่ความท้าทายก็คือ หลายบริษัทยักษ์ใหญ่เคยพยายามสร้างระบบคล้ายกันและล้มเหลว เช่น Libra ของ Facebook, โครงการทางการเงินของ Google, Amazon และ Microsoft ต่างก็ไม่ประสบความสำเร็จ
มีเพียง Apple ที่เปิดตัว Apple Card ร่วมกับ Goldman Sachs ในปี 2019 ที่สามารถเข้าสู่ตลาดได้ แต่ในภายหลังก็ประสบปัญหาด้านกำไร จน Goldman ต้องการถอนตัว
แรงกดดันจาก SEC และคดีความที่ตามมา
Musk ยังเผชิญกับแรงกดดันจากสำนักงาน ก.ล.ต. สหรัฐ (SEC) ซึ่งเพิ่งยื่นฟ้องเขาในข้อหาไม่เปิดเผยข้อมูลการถือหุ้นใน Twitter ตามกำหนด โดยอ้างว่า Musk ควรเปิดเผยการถือหุ้นภายใน 10 วันเมื่อถือหุ้นเกิน 5% แต่กลับล่าช้า ซึ่งนำไปสู่การได้หุ้นในราคาถูกลงกว่า 150 ล้านดอลลาร์
ในเอกสารของศาลยังระบุว่า เจ้าหน้าที่พยายามส่งเอกสารให้เขาที่ SpaceX แต่ถูกปฏิเสธโดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ทำให้ต้องวางเอกสารไว้กับพื้น
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Musk ขัดแย้งกับ SEC ย้อนกลับไปในยุค Tesla เขาเคยถูกตั้งข้อหาฉ้อโกงทางแพ่ง และต้องจ่ายค่าปรับร่วมกับ Tesla รวม 40 ล้านดอลลาร์ พร้อมลาออกจากตำแหน่งประธานบอร์ด
X ฟื้นตัวด้านมูลค่าและรายได้
แม้จะมีข้อพิพาททางกฎหมาย แต่ X ก็ยังสามารถระดมทุนได้เกือบ 1 พันล้านดอลลาร์ โดย Bloomberg รายงานว่ามูลค่าของบริษัทอยู่ที่ 3.2 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่ Financial Times ประเมินไว้ที่ 44 พันล้านดอลลาร์ ใกล้เคียงกับราคาที่ Musk ซื้อกิจการไว้ในปี 2022
รายงานจาก Fidelity ระบุว่า X สร้างรายได้ที่ปรับแล้วประมาณ 1.2 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024 ซึ่งเทียบเท่ากับรายได้ก่อนที่ Musk จะเข้ามาบริหาร แม้โฆษณาจะลดลงและผู้ใช้บางส่วนย้ายออกไป แต่แพลตฟอร์มก็ยังคงมีรายได้ที่มั่นคง
เบื้องหลังการเมืองและบทบาทของ Elon Musk
นอกเหนือจากธุรกิจ Musk ยังมีบทบาททางการเมืองที่ชัดเจนมากขึ้น โดยมีรายงานว่าเขาใช้เงินกว่า 290 ล้านดอลลาร์ในการสนับสนุนอดีตประธานาธิบดี Donald Trump และกลุ่มการเมืองฝ่ายขวา ซึ่งสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงภายใน SEC ภายใต้การบริหารของ Trump เช่น การลดงบประมาณและบุคลากร รวมถึงการปรับกฎเกณฑ์ที่จำกัดอำนาจการสอบสวนของเจ้าหน้าที่
X: ศูนย์กลางใหม่ของระบบการเงินโลก?
ท่ามกลางแรงกดดันจากภายนอก ทั้งทางกฎหมาย การเมือง และเศรษฐกิจ Elon Musk ยังคงเดินหน้าเปลี่ยน X ให้เป็นโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินระดับโลกที่รวมทุกบริการไว้ในที่เดียว ตั้งแต่การส่งข้อความ โอนเงิน จนถึงการให้บริการทางสินเชื่อ และในมุมมองของเขา โลกกำลังเคลื่อนไปในทิศทางนั้นอย่างแน่นอน
Source: Cryptopolitan