Chamath Palihapitiya มหาเศรษฐีนักลงทุนด้านเทคโนโลยีเผยว่า Stablecoin กำลังช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับดอลลาร์สหรัฐในฐานะสกุลเงินหลักของโลก
โดยในโพสต์ล่าสุดบนแพลตฟอร์ม Substack เขาอ้างอิงข้อมูลจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ซึ่งระบุว่าค่าเงินดอลลาร์พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี ปัจจัยสำคัญที่อยู่เบื้องหลังการแข็งค่าของดอลลาร์นั้นมาจากทั้งสภาพเศรษฐกิจมหภาคที่เปลี่ยนแปลง และการเติบโตของ Stablecoin ที่ตรึงมูลค่ากับดอลลาร์
“ค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นเกิดจากหลายปัจจัย ทั้งนโยบายขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed จากเกือบ 0% สู่ระดับ 4% ทำให้นักลงทุนทั่วโลกหันมาถือครองสินทรัพย์ที่อิงกับดอลลาร์มากขึ้น นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ยังทำให้ดอลลาร์ถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย”

โดย Stablecoin เช่น USDT และ USDC มีบทบาทสำคัญในการขยายอำนาจของดอลลาร์ผ่านตลาดคริปโต ทำให้เกิดกระแส “Digital Dollarization” ซึ่งช่วยเพิ่มอุปสงค์ต่อเงินดอลลาร์ในระดับโลก
อย่างไรก็ตาม Palihapitiya เตือนว่าการแข็งค่าของดอลลาร์เป็นดาบสองคม แม้ว่าจะช่วยเพิ่มอำนาจซื้อของชาวอเมริกันในการนำเข้าสินค้าและลงทุนในต่างประเทศ แต่ก็ส่งผลกระทบต่อบริษัทสหรัฐฯ ที่ต้องพึ่งพาการส่งออก อีกทั้งยังสร้างความไม่สมดุลทางการเงินในประเทศอื่นๆ
“Fed กำลังเผชิญความท้าทายใหม่ เพราะแม้ว่าค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าจะช่วยกดเงินเฟ้อในประเทศโดยทำให้สินค้านำเข้าถูกลง แต่ขณะเดียวกันก็อาจนำไปสู่ความปั่นป่วนทางเศรษฐกิจในตลาดต่างประเทศ ซึ่งอาจสะท้อนกลับมาสู่ตลาดสหรัฐฯ ได้ในที่สุด”
สุดท้าย Palihapitiya ระบุว่าการเคลื่อนไหวของ Fed จะต้องใช้ความระมัดระวังในการรักษาสมดุล ไม่ให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าจนส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจโลก
ที่มา: DailyHODL