Crypto.com ออกแถลงการณ์ระบุว่า คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) ได้ยุติการสอบสวนบริษัทอย่างเป็นทางการแล้ว และจะไม่ดำเนินคดีหรือฟ้องร้องใด ๆ ซึ่งทำให้ Crypto.com กลายเป็นอีกหนึ่งบริษัทในวงการคริปโตที่เพิ่งหลุดพ้นจากการถูกสอบสวนของ SEC
Nick Lundgren หัวหน้าแผนกกฎหมายของ Crypto.com กล่าวในแถลงการณ์ว่า ในช่วงรัฐบาลก่อนหน้านี้ SEC ได้ใช้กฎหมายในเชิงอาวุธ เพื่อโจมตีอุตสาหกรรม ที่อดีตประธาน SEC ไม่ชอบใจ ซึ่งการที่บริษัทต้องใช้เวลาหลายปี เพื่อเผชิญกับการสอบสวน และถึงขั้นต้องยื่นฟ้อง SEC เพื่อปกป้องหลักนิติธรรม ถือเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย
ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา SEC ได้ทยอยถอนฟ้อง และปิดการสอบสวนบริษัทคริปโตรายใหญ่หลายแห่ง รวมถึง Kraken, Coinbase และเมื่อต้นเดือนนี้ SEC ยังได้ถอนการอุทธรณ์ในคดีของ Ripple อีกด้วย
สำหรับกรณีของบริษัท Crypto.com นั้น เมื่อเดือนตุลาคม บริษัทได้รับหนังสือแจ้งเตือนจาก SEC (Wells notice) ซึ่งบ่งชี้ว่า บริษัทอาจถูกดำเนินคดีในอนาคต ทำให้ Crypto.com ต้องยื่นฟ้อง SEC โดยอ้างว่า SEC ใช้อำนาจเกินขอบเขต และไม่เห็นด้วยกับการที่ SEC พยายามนิยามเหรียญคริปโตส่วนใหญ่เป็นหลักทรัพย์ อย่างไรก็ตาม คดีนี้ถูกถอนฟ้องไป เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา
หลังจากการลาออกของ Gary Gensler อดีตประธาน SEC เมื่อต้นปีที่ผ่านมา และการเริ่มต้นยุครัฐบาลทรัมป์ หน่วยงานกำกับดูแลหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC) ก็มีท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจนในเรื่องของคริปโตเคอร์เรนซี หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงสำคัญคือการยกเลิกแนวทางการบันทึกบัญชีคริปโตที่เคยถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่เป็นธรรมกับบริษัทที่ถือครองสินทรัพย์ดิจิทัล นอกจากนี้ SEC ยังได้ทยอยถอนฟ้องคดีความกับบริษัทคริปโตรายใหญ่หลายเจ้า สะท้อนถึงแนวทางใหม่ที่ลดความตึงเครียดระหว่างภาครัฐกับอุตสาหกรรมคริปโต
ไม่เพียงเท่านั้น SEC ยังได้จัดตั้ง “ทีมเฉพาะกิจด้านคริปโต” ขึ้นมาโดยเฉพาะ เพื่อดูแล ตรวจสอบ และกำกับอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างตรงจุดและเข้าใจบริบทมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้สะท้อนถึงทิศทางใหม่ที่ SEC ต้องการปรับตัวให้เข้ากับโลกการเงินยุคดิจิทัล
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา Paul Atkins ผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นประธาน SEC คนใหม่ ได้ตอบคำถามวุฒิสมาชิกเกี่ยวกับการทำงานของ SEC ในอดีต และเว็บเทรด FTX ที่ล้มละลาย โดยระบุว่า การวางกรอบกำกับดูแลที่ชัดเจนสำหรับคริปโตจะเป็น “ภารกิจสำคัญอันดับต้น ๆ” ของเขา
Crypto.com ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้งานมากกว่า 140 ล้านคนทั่วโลก ยังเปิดเผยเพิ่มเติมว่า บริษัทได้ลงนามในข้อตกลงเบื้องต้นกับ Trump Media and Technology Group เพื่อจับมือ เปิดตัวกองทุน ETF และผลิตภัณฑ์การเงินรูปแบบใหม่ ภายใต้แบรนด์ Truth.Fi ของทรัมป์อีกด้วย
ที่มา : theblock