Michael Novogratz และบริษัท Galaxy Digital ซึ่งเป็นบริษัทลงทุนด้านคริปโต ได้ตกลงจ่ายเงิน 200 ล้านดอลลาร์ เพื่อยุติคดีที่เกี่ยวข้องกับการโปรโมตเหรียญ Terra (LUNA) ซึ่งล่มสลายไปแล้ว
จากเอกสารที่ยื่นต่อสำนักงานอัยการสูงสุดแห่งนิวยอร์กเมื่อวันที่ 24 มีนาคม ระบุว่า Galaxy Digital เคยเข้าซื้อเหรียญ LUNA จำนวน 18.5 ล้านเหรียญในราคาส่วนลด 30% ก่อนจะทำการโปรโมตและขายเหรียญออกไปโดยไม่ปฏิบัติตามกฎการเปิดเผยข้อมูล
“Galaxy มีส่วนช่วยให้เหรียญที่แทบไม่มีใครรู้จักเพิ่มราคาจาก 0.31 ดอลลาร์ในเดือนตุลาคม 2020 ไปแตะ 119.18 ดอลลาร์ในเดือนเมษายน 2022 ขณะที่บริษัททำกำไรได้หลายร้อยล้านดอลลาร์”
ภายใต้ข้อตกลงยุติคดี Galaxy Digital ต้องจ่ายเงินชดเชย 200 ล้านดอลลาร์ในระยะเวลา 3 ปี โดยแบ่งเป็น 40 ล้านดอลลาร์ภายใน 15 วันแรก อีก 40 ล้านดอลลาร์ภายในหนึ่งปี และอีกสองงวดงวดละ 60 ล้านดอลลาร์ภายในปีที่สองและสาม
นอกจากนี้ เอกสารยังกล่าวหา Galaxy Digital และ Novogratz ว่าเผยแพร่ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับการใช้งาน Terra โดยอ้างว่าแอปชำระเงิน Chai ของเกาหลีใต้ทำงานบนบล็อกเชนของ Terra ซึ่งเป็นข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง โดยข้อความนี้ยังถูกส่งไปยัง Bloomberg เพื่อโปรโมตว่ามีผู้ใช้กว่า 2 ล้านคนและมีปริมาณธุรกรรมต่อปีสูงถึง 1.2 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว แอป Chai ไม่ได้ดำเนินการบนบล็อกเชนของ Terra

โดยเหรียญ Terra และ TerraUSD (UST) ล่มสลายในเดือนพฤษภาคม 2022 หลังจากกลไกการรักษามูลค่าของ UST ล้มเหลว เหตุการณ์เริ่มขึ้นเมื่อมีผู้ถือครองรายใหญ่ขาย UST จำนวนมาก ส่งผลให้ราคาหลุดจาก 1 ดอลลาร์ ซึ่งกลไกอัลกอริธึมพยายามแก้ไขโดยการสร้างเหรียญ LUNA เพิ่มขึ้นเพื่อซื้อคืน UST แต่กลับส่งผลให้เหรียญ LUNA ถูกผลิตออกมาอย่างมหาศาล ทำให้มูลค่าของมันลดลงอย่างรวดเร็ว
ในท้ายที่สุด ราคาของ LUNA และ UST ดิ่งลงเกือบเป็นศูนย์ ส่งผลให้มูลค่าตลาดของทั้งสองสินทรัพย์หายไปเป็นมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ และเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่สั่นสะเทือนวงการคริปโตครั้งใหญ่ที่สุด ในปัจจุบัน เหรียญ Stablecoin แบบอัลกอริธึมยังคงเผชิญกับความกังวลจากนักลงทุน โดยเฉพาะหลังจากการเปิดตัว Sonic blockchain ที่พยายามนำเสนอแนวคิด Stablecoin ลักษณะเดียวกัน
ที่มา: Cointelegraph