การประกาศระงับการเก็บภาษีศุลกากรเป็นเวลา 90 วันของประธานาธิบดี Donald Trump เมื่อวันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา ได้สร้างแรงกระตุ้นต่อตลาดสินทรัพย์เสี่ยงอย่างชัดเจน โดยราคา Bitcoin พุ่งขึ้นกว่า 8.27% ภายในวันเดียว กลายเป็นแท่งเทียนสีเขียวที่ยาวที่สุดในรอบเกือบ 1 เดือน
ต่อมาในวันที่ 10 เมษายน ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) ของสหรัฐฯ ลดลงต่ำกว่า 3% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มีนาคม 2021 ทำให้ Bitcoin ขยับขึ้นอีก 3.36% มาแตะระดับ 82,532 ดอลลาร์ ณ เวลาที่มีการรายงาน
แม้กระแสปัจจัยมหภาคจะส่งผลในเชิงบวก แต่นักลงทุนจำนวนไม่น้อยยังคงจับตาความเคลื่อนไหวของนักลงทุน Bitcoin ระยะสั้น ซึ่งดูเหมือนจะเริ่มรู้สึกถึงแรงกดดันจากราคา
ผู้ถือระยะสั้นเผชิญจุดเปลี่ยน หลังราคาต่ำกว่าระดับที่ซื้อ
ข้อมูลจาก Glassnode ระบุว่า ปริมาณ Bitcoin ที่ถือโดยกลุ่มนักลงทุนระยะสั้นลดลงจากจุดสูงสุดในรอบ 4 ปีที่ 400,000 BTC เหลือเพียง 360,000 BTC บ่งชี้ถึงการกระจายสินทรัพย์ออกจากกลุ่มนี้อย่างต่อเนื่อง
Bitcoin ส่วนใหญ่นั้นถูกซื้อสะสมไว้ที่ราคาประมาณ 93,000 ดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าราคาปัจจุบันอย่างมาก ส่งผลให้มี Bitcoin ประมาณ 360,000 BTC กำลังขาดทุน
นอกจากนี้ โซนราคาที่สำคัญสำหรับกลุ่มนักลงทุนระยะสั้น ได้แก่ 131,000 ดอลลาร์ และ 72,000 ดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นกรอบสภาพคล่องหลัก หากราคา Bitcoin ร่วงต่ำกว่าโซนล่างที่ 72,000 ดอลลาร์ นักลงทุนกลุ่มนี้จะมีขาดทุนกว่า 22% ซึ่งในอดีตเคยนำไปสู่การเทขายและการพอร์ตแตกอย่างรุนแรง
ในทางกลับกัน หาก Bitcoin สามารถกลับไปที่ระดับ 93,000 ดอลลาร์ได้ ก็มีโอกาสพลิกกลับมาทำกำไรอีกครั้ง และอาจจุดชนวนให้ราคาของสินทรัพย์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจอาจทำให้เกิดการเทขาย
แม้จะมีปัจจัยสนับสนุนในช่วงสั้น แต่ Bitcoin ยังคงเคลื่อนไหวต่ำกว่าแนวต้านสำคัญที่ 85,000 ดอลลาร์ การปฏิเสธซ้ำบริเวณนี้สะท้อนถึงแรงต้านที่แข็งแกร่ง และความไม่แน่นอนจากฝั่งผู้ขาย
อัตราส่วนเลเวอเรจโดยประมาณ (ELR) ของ Bitcoin ได้ลดลงต่ำกว่าระดับฐานในช่วงต้นเดือนมีนาคม สะท้อนว่านักเทรดฟิวเจอร์สเริ่มลดความเสี่ยง ด้วยการปิดสถานะเลเวอเรจสูง
แม้มูลค่าตลาดของ BTC จะลดลงกว่า 90,000 ล้านดอลลาร์หลังประกาศ Tariffs แต่ก็ยังถือว่าลดลงน้อยกว่าสินทรัพย์เสี่ยงประเภทอื่น ๆ ซึ่งอาจสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของสินทรัพย์
อย่างไรก็ตาม ท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่อาจยังไม่เร่งปรับลดอัตราดอกเบี้ย ยังคงเป็นปัจจัยกดดันหลักต่อจิตวิทยาของนักลงทุนระยะสั้น โดยเฉพาะกลุ่มที่ซื้อสะสมไว้ที่ระดับ 93,000 ดอลลาร์ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะ Cut loss หากราคายังคงไม่ฟื้นตัว
Bitcoin อาจทดสอบ 72,000 ดอลลาร์อีกครั้งก่อนเริ่มขาขึ้นรอบใหม่
ด้วยความไม่แน่นอนของนโยบายการเงินสหรัฐฯ ประกอบกับแรงขายจากนักลงทุนระยะสั้นและแรงกดดันจากแนวต้านด้านบน ทำให้โอกาสที่ราคา BTC จะลดลงไปทดสอบระดับ 72,000 ดอลลาร์ก่อนจะพยายามทะลุแนวต้านสำคัญอีกครั้งนั้นยังมีความเป็นไปได้สูง
การเคลื่อนไหวของราคาจากนี้ไปจะขึ้นอยู่กับปัจจัยมหภาค และพฤติกรรมของนักลงทุน Bitcoin ระยะสั้นอย่างมีนัยสำคัญ
Source: AMBCrypto