แม้ว่าช่วงวันหยุดยาวในสหรัฐฯ เพิ่งจะเกิดขึ้นไปได้ไม่นาน แต่บรรยากาศในตลาดการเงินโดยรวมกลับไม่ได้สดใสอย่างที่คิด ซ้ำยังไม่มีสัญญาณบวกใหม่ๆ จากข้อตกลงทางการค้าใดๆ เพิ่มเติม ในขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ก็ได้ออกมาลิสต์ “การโกงทางการค้าแบบไร้ภาษี” (Non-Tariff Cheating) ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของหลายประเทศทั่วโลก
สัญญาณที่น่ากังวลเริ่มฉายให้เห็น เมื่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดต่ำลง พร้อมๆ กับการคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในครัวเรือนที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นภาพสะท้อนของสภาวะเศรษฐกิจที่อาจเปราะบางและผันผวนได้ง่าย หากสถานการณ์ยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป
ยิ่งไปกว่านั้น เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เข้ามาลดทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุน ด้วยการออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับมาตรการภาษีของทรัมป์ จนทำให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตอบโต้ด้วยการขู่ที่จะปลดเขาออกจากตำแหน่ง
ท่ามกลางสถานการณ์ที่ตึงเครียดเช่นนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจและรายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่จะทยอยเปิดเผยออกมาในสัปดาห์นี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง หากมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ ก็อาจส่งผลต่อทิศทางนโยบายการเงินของ Fed ได้ โดย Kobeissi Letter ได้เตือนไว้อย่างชัดเจนว่า “ทุกสัญญาณชี้ว่า ตลาดจะมีความผันผวนมากขึ้นในสัปดาห์นี้”
ส่อง 3 อีเวนท์เศรษฐกิจสำคัญประจำสัปดาห์ ! (21-25 เมษายน)
อีเวนท์แรกที่นักลงทุนต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษคือ การเปิดเผย “ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ” (PMI) ในวันพุธนี้ ดัชนีตัวนี้เป็นเครื่องมือสำคัญที่ใช้บ่งชี้สภาวะทางเศรษฐกิจของทั้งภาคการผลิตและภาคบริการ และยังช่วยในการประเมินการเปลี่ยนแปลงของสภาวะทางเศรษฐกิจโดยรวมอีกด้วย
ถัดมาในวันพฤหัสบดี จะมีการเปิดเผย “รายงานคำสั่งซื้อสินค้าคงทน” ซึ่งเป็นตัวเลขที่แสดงถึงมูลค่าคำสั่งซื้อที่ผู้ผลิตได้รับสำหรับสินค้าที่มีราคาสูง เช่น รถยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ โดยสินค้าเหล่านี้มักจะได้รับผลกระทบโดยตรงจากการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ และมีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับความเชื่อมั่นของผู้บริโภค
และในวันศุกร์ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของสัปดาห์ จะมีการเปิดเผย “ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค” ควบคู่ไปกับ “รายงานความคาดหวังด้านเงินเฟ้อของผู้บริโภค” ประจำเดือนเมษายน ซึ่งเป็นผลจากการสำรวจที่สะท้อนถึงมุมมองและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเกี่ยวกับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน รวมถึงการคาดการณ์เกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อในระยะยาว
อดัม โพเซน ประธานสถาบัน Peterson Institute for International Economics ได้ออกมาเตือนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า สหรัฐฯ กำลังเผชิญหน้ากับ “ปัญหาเรื่องเงินเฟ้อที่กำลังจะมาถึง” และรัฐบาลดูเหมือนจะ “เตรียมตัวรับมือได้ไม่ดีพอ” เขายังมองว่า Fed “ผ่อนคลายนโยบายการเงินมากเกินไป” ซึ่งเป็นการเพิ่มความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ และเสริมว่า “หากเราเจอเงินเฟ้อ Fed จะตามแก้ไขไม่ทัน” ซึ่งอาจหมายถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมในอนาคตอันใกล้นี้
นอกจากปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาคที่กล่าวมาแล้ว ในสัปดาห์นี้ยังมีบริษัทขนาดใหญ่ในดัชนี S&P 500 ประมาณ 20% รวมถึงบริษัทเทคโนโลยีชื่อดังอย่าง Tesla และ Alphabet (Google) ที่จะประกาศผลประกอบการ ซึ่งผลลัพธ์เหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดโดยรวมได้
ตลาดคริปโทฯ เริ่มต้นสัปดาห์ด้วยความหวัง
ในส่วนของตลาดคริปโทเคอร์เรนซีนั้น เริ่มต้นสัปดาห์ด้วยสัญญาณที่เป็นบวก โดย Bitcoin เป็นผู้นำในการปรับตัวขึ้น มูลค่าตลาดรวมของคริปโทฯ อยู่ที่ประมาณ 2.84 ล้านล้านดอลลาร์ ในขณะที่ราคา Bitcoin กลับขึ้นมายืนเหนือระดับ $87,000 ได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม
นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่า Bitcoin ได้หลุดพ้นจากรูปแบบกราฟ Falling Wedge แล้ว ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของการสิ้นสุดแนวโน้มขาลงที่ยาวนานกว่า 3 เดือน ส่วนสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ เช่น Ethereum, XRP และ Binance Coin ก็มีการปรับตัวขึ้นเล็กน้อย แต่ Bitcoin ยังคงเป็นผู้นำตลาดอย่างชัดเจนในช่วงเช้าวันจันทร์ที่ตลาดเอเชียเปิดทำการ
ดังนั้น ในสัปดาห์ที่กำลังจะมาถึงนี้ นักลงทุนในตลาดคริปโทเคอร์เรนซีควรจับตาสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและผลประกอบการของบริษัทใหญ่ๆ อย่างใกล้ชิด ควบคู่ไปกับการติดตามการเคลื่อนไหวของราคา Bitcoin อย่างระมัดระวัง เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
- ที่มาข่าว:crpytopotato
- ที่มาภาพ:thedailystar