วงการการเงินสหรัฐฯ อาจเห็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve) ตัดสินใจยกเลิกแนวทางคำแนะนำเมื่อปี 2022 ที่เคยเตือนธนาคารไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคริปโตเคอร์เรนซีและเหรียญ Stablecoin
เมื่อวันที่ 24 เมษายนที่ผ่านมา Fed ได้ถอนจดหมายกำกับดูแลที่ออกเมื่อปี 2022 อย่างเป็นทางการ ซึ่งก่อนหน้านี้จดหมายดังกล่าวถูกใช้เป็นแนวปฏิบัติเพื่อหลีกเลี่ยงการมีส่วนร่วมของธนาคารกับสินทรัพย์ดิจิทัล เนื่องจากมีความกังวลด้านความเสี่ยงต่อตลาดการเงินและผู้ลงทุนในประเทศ
“การถอนคำแนะนำนี้ทำให้ธนาคารสามารถเริ่มซัพพอร์ต Bitcoin ได้อย่างอิสระ”
Anastasija Plotnikova ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Fideum บริษัทที่ปรึกษาด้านกฎระเบียบในโลกบล็อกเชน กล่าวว่านี่ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะทำให้หนทางสู่การใช้งาน Bitcoin เชิงสถาบันเป็นเรื่องง่ายขึ้น
“การถอนแนวทางนี้จะทำให้การกำกับดูแลสินทรัพย์คริปโตเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบตามมาตรฐานของธนาคารทั่วไป”
อย่างไรก็ตาม เธอระบุว่ายังจำเป็นต้องผ่านร่างกฎหมาย STABLE (Stablecoin Transparency and Accountability for a Better Ledger Economy) และ GENIUS (Guiding and Establishing National Innovation for US Stablecoins) เพื่อให้การดำเนินงานของธนาคารในตลาดคริปโตมีความชัดเจนยิ่งขึ้น
โดย GENIUS Act ได้ผ่านวุฒิสภาไปเมื่อเดือนมีนาคม ขณะที่ STABLE Act ได้รับเสียงสนับสนุนจากคณะกรรมาธิการการเงินสภาผู้แทนฯ เมื่อช่วงต้นเดือนเมษายน ซึ่งอาจกลายเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการเร่งให้เกิดการยอมรับ Bitcoin ในวงการสถาบัน
Eneko Knörr ซีอีโอของ Stabolut มองว่าการเคลื่อนไหวของ Fed ครั้งนี้อาจเป็น “จุดเปลี่ยนที่สำคัญต่อการยอมรับ Bitcoin ในระดับสถาบันในสหรัฐฯ” พร้อมชี้ว่าในอดีต หน่วยงานกำกับดูแลมักมีท่าทีไม่เป็นมิตรกับคริปโต ทำให้ธนาคารใหญ่ๆ ไม่กล้าเข้ามามีส่วนร่วม
“การเปิดทางให้ธนาคารสามารถให้บริการที่เกี่ยวข้องกับ Bitcoin ได้ในตอนนี้ จะเป็นการเปิดโอกาสให้พวกเขาก้าวเข้ามาชิงส่วนแบ่งตลาดจากบริษัทคริปโตโดยตรง เช่น Coinbase”
ที่มา: Cointelegraph