<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Tari Labs เปิดตัว “Tari Mainnet” อย่างเป็นทางการ มุ่งเป้าให้การขุดคริปโตเข้าถึงทุกคน

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2025 — Tari Labs ได้ประกาศเปิดตัว Tari Mainnet อย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นโปรโตคอลบล็อกเชนแบบ Layer 1 ตัวใหม่ที่ถูกออกแบบมาเพื่อลดความซับซ้อนในการขุดคริปโต และเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในเครือข่ายได้ง่ายขึ้นผ่านแอปพลิเคชันที่มีชื่อว่า Tari Universe

แอป Tari Universe ชูจุดเด่นเรื่องการใช้งานที่เรียบง่าย โดยเปิดให้ผู้ใช้สามารถเริ่มต้นขุดเหรียญคริปโตได้ภายใน 3 ขั้นตอนสั้น ๆ และใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น ซึ่งทางทีมพัฒนาเชื่อว่า การมาถึงของ Tari จะช่วยลดอุปสรรคในด้านเทคนิคที่เคยเป็นกำแพงใหญ่ของผู้เริ่มต้น และส่งเสริมให้เกิดการยอมรับในคริปโตในวงกว้างยิ่งขึ้น

ทางทีมพัฒนา Tari เปิดเผยว่า ผู้ใช้งานที่มีคอมพิวเตอร์ระบบ Mac หรือ PC สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Tari Universe ได้ผ่านทางเว็บไซต์ www.tari.com โดยขั้นตอนการติดตั้งใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น และเมื่อการติดตั้งเสร็จสิ้น ผู้ใช้ก็สามารถเริ่มต้นการขุดเหรียญคริปโต Tari Tokens (XTM) ได้ทันที ด้วยการใช้พลังการประมวลผลจากคอมพิวเตอร์ที่มีอยู่

นอกจากนี้ ทางทีมพัฒนา Tari ยังชูจุดเด่นของเครือข่าย Tari Network ที่ได้รับการออกแบบมาให้เป็นหนึ่งในวิธีการขุดคริปโตที่ทั้ง ปลอดภัยและเข้าถึงง่ายที่สุด สำหรับผู้ที่มีความสนใจอยากเริ่มต้นในการขุดคริปโต โดยทุกๆธุรกรรมที่เกิดขึ้นบนเครือข่าย Tari Network จะถูกปกปิดเป็นความลับทำให้มั่นใจได้ว่าประวัติการทำธุรกรรมของผู้ใช้งานจะปลอดภัย และไม่ส่งผลกระทบต่อความสะดวกสบายในการใช้งาน

Naveen Jain หนึ่งในผู้มีส่วนร่วมกับเครือข่าย เปิดเผยว่า Tari เป็นโปรโตคอลที่เข้ามาปฏิวัติวงการ ซึ่งตัวของมันนั้นล้ำหน้าเหนือกว่าคู่แข่งหลายปีในเรื่องของการมอบประสบการณ์ใช้งานที่ยอดเยี่ยมให้แก่ผู้ใช้ 

เขายกตัวอย่างว่าในการเข้าใช้งานโปรโตคอลอื่น ๆ ผู้ใช้ต้องเผชิญกับเรื่องน่าปวดหัวเหมือนกับการถอนฟัน อีกทั้งยังต้องมีหลายขั้นตอนที่ต้องทำ ไม่ว่าจะเป็นการอัปโหลดใบขับขี่เพื่อยืนยันตัวตน, การเต้นหน้ากล้องเพื่อยืนยันว่าไม่ใช่บอท หรือการสแกนม่านตาเพียงเพื่อที่จะสามารถเข้าใช้งานเครือข่ายได้ ในขณะที่ผู้ใช้สามารถเข้าถึง Tari ได้เลยเพียงแค่ติดตั้งแอปและเริ่มขุดรอรับรางวัลได้ทันที

Tari Universe ช่วยทำให้การขุดคริปโตเป็นเรื่องที่ไม่น่าเบื่ออีกต่อไป ผ่านการนำเสนอที่แตกต่างเสมือนผู้ใช้กำลังเล่นเกมอยู่ ทำให้ระบบ proof-of-work กลายเป็นการเรียงหอคอยตัวต่อขึ้นไปเรื่อย ๆ เป็นชั้น ๆ ที่ผู้ใช้จะต้องแข่งกันขุดเพื่อรับรางวัล

ในส่วนของอัลกอริทึม เครือข่าย Tari ได้เลือกใช้ RandomX hashing algorithm ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันเครื่องขุดระดับ ASIC ทำให้มั่นใจได้ว่าอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ระดับสำนักงาน หรือระดับใช้ในบ้านยังสามารถแข่งขันกันได้อย่างทัดเทียม และผู้ใช้งานยังสามารถเลือกได้ว่าจะสละพลังประมวลผลของคอมพิวเตอร์เท่าใดในการขุด อีกทั้งกระบวนการขุดยังสามารถกดหยุดพักได้ตลอดเวลาเพียงแค่กดคลิ๊กครั้งเดียว

ทั้งนี้ หัวใจหลักของ Tari protocol คือการเก็บรักษาความลับ ซึ่งเครือข่ายมีการใช้ประโยชน์จาก MimbleWimble โครงสร้างบล็อกเชนที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้ข้อมูลของผู้ใช้ถูกเก็บเป็นความลับปลอดภัยไม่สามารถมองเห็นได้โดยสาธารณะเหมือนกับ public ledger 

ความน่าสนใจของ Tari ยังถูกการันตีจากการที่มีผู้เข้าร่วมทดสอบกว่า 700,000 รายเข้ามาในโปรแกรมแจกแอร์ดรอป และมีผู้ใช้งานกว่า 100,000 รายได้ทดสอบการขุด ซึ่งปัจจุบัน genesis block ของ Tari ได้ถูกขุดไปแล้ว และทางเครือข่ายได้เริ่มให้บริการขุดเหมืองแบบกระจายศูนย์ตั้งแต่วันแรกของการเปิดตัว โดยข้อมูลเปิดเผยว่าผู้ใช้ทั่วไปส่วนมากมักใช้เวลาขุดกว่า 4 ชั่วโมงในแต่ละวัน โดยที่ไม่ต้องพึ่งพาอุปกรณ์ราคาแพง หรือโปรแกรมป้องกันในการขุดแต่อย่างใด

‘Gmoney’ ผู้ก่อตั้งบริษัท 9DCC เปิดเผยว่า นี่ถือเป็นครั้งแรกที่มีคนตัดสินใจสร้างบล็อกเชนที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้แม้ไม่มีประสบการณ์มาก่อน และตัวของ Tari Universe ก็อาจเป็นผลงานระดับเดียวกันกับที่ Apple จะเปิดตัวหากพวกเขาสนใจสร้างผลิตภัณฑ์คริปโตขึ้นมา

ขณะเดียวกันทางฝั่งของผู้ดูอยู่เบื้องหลังการพัฒนาเครือข่ายอย่าง Tari Labs ยังได้รับการสนับสนุนจากบริษัทชั้นนำในวงการไม่ว่าจะเป็น Blockchain Capital, Pantera, CMT Digital, Slow Ventures, และ DV Chain เป็นต้น ซึ่งทาง Paul Veradittakit จาก Pantera Capital เองยังได้กล่าวชื่นชม Tari ว่าเป็นเครือข่ายที่โฟกัสไปยังผู้ใช้งานเป็นอย่างมาก สามารถนำเรื่องของความปลอดภัยมาปรับใช้งานกับความสะดวกสบายในการใช้งานได้อย่างลงตัว ทำให้กำแพงที่ขวางกั้นไม่ให้เกิดการใช้งานพังทลายลงซึ่งเป็นผลดีต่อวงการคริปโตที่จะมีผู้ใช้งานมากขึ้น

อย่างไรก็ตามการเปิดตัวเมนเน็ตของ Tari เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น โดยทีมงานวางแผนที่จะทำการนำ cross-chain exchange layer และ native app store เข้ามายังแอปพลิเคชัน Tari Universe ส่วนทางฝั่งของผู้พัฒนาแอปก็จะสามารถเผยแพร่แอปพลิเคชันโดยตรงไปยังผู้ใช้ Tari ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยอาศัยโครงสร้างสองเลเยอร์ ซึ่งประกอบด้วย L1 ที่มีความปลอดภัยโดยใช้ระบบ proof-of-work ที่พัฒนาด้วยภาษา Rust และ L2 ที่ให้ความสามารถในการขยายตัวและการยืนยันธุรกรรมอย่างรวดเร็ว

หากใครที่สนใจอยากศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.tari.com และสามารถติดตามข่าวสารได้จากทางโซเชียลต่างๆไม่ว่าจะเป็น TikTok , X หรือ Instagram


บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับโปรเจกต์คริปโตเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการแนะนำหรือเชิญชวนให้ลงทุนคริปโตเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมดได้ โปรดศึกษาข้อมูลให้รอบคอบและลงทุนตามระดับความเสี่ยงที่ท่านยอมรับได้ ทาง Siam Blockchain รวมถึงผู้บริหารและพนักงานของบริษัท ขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่รับผิดชอบในทุกกรณีหากเกิดความเสียหายจากการลงทุนของท่าน