Bitcoin ยังคงยืนเหนือระดับ 100,000 ดอลลาร์ได้อย่างแข็งแกร่ง ท่ามกลางกระแส “ซื้อเมื่อย่อตัว” และการไหลเข้าของเงินทุนจากนักลงทุนสถาบัน รายงานประจำสัปดาห์ของ Glassnode ได้เผยว่า ผู้ถือครองระยะสั้นส่วนใหญ่เริ่มมีกำไรหลังจากราคาตกลงไปแตะ 75,000 ดอลลาร์ในช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา
จากข้อมูล นับตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน นักลงทุนเริ่มสะสมเหรียญอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เงินทุนใน Bitcoin ETF แบบ spot ก็ไหลเข้ามาอย่างมหาศาล โดยเฉลี่ยสัปดาห์นั้นมีเงินไหลเข้าสู่กระเป๋า Bitcoin ของสถาบันวอลสตรีทถึงวันละ 389 ล้านดอลลาร์ และในวันที่ 22 เมษายนเพียงวันเดียว มียอดไหลเข้าสูงถึง 933 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดตั้งแต่กลางเดือนมกราคม
แม้ว่ากระแสเงินทุนใน ETF จะลดลงเหลือราว 58 ล้านดอลลาร์ต่อวัน แต่ก็สะท้อนให้เห็นว่าความสนใจจากสถาบันยังคงแข็งแกร่ง
รายงานยังระบุอีกว่า การไหลเข้าของเงินทุนสถาบันมีความเชื่อมโยงกับแรงซื้อที่เพิ่มขึ้นใน Coinbase ขณะที่คำสั่งขายใน Binance ลดน้อยลง โดยข้อมูล Spot Cumulative Volume Delta (CVD) ชี้ว่าเทรดเดอร์ใน Coinbase ใช้เงินมากถึง 54 ล้านดอลลาร์ต่อวันในการซื้อ BTC ขณะที่คำสั่งขายบน Binance ลดลงจาก 71 ล้านดอลลาร์ต่อวัน เหลือเพียง 9 ล้านดอลลาร์ต่อวันเท่านั้น
ปรากฏการณ์นี้สะท้อนถึงแนวโน้มการสะสม Bitcoin แบบ “ขั้นบันได” โดยมีระดับราคาที่นักลงทุนเริ่มซื้อเพิ่มมากขึ้น ขณะที่จำนวนเหรียญที่หมุนเวียนในตลาดลดลง
และเมื่อราคาทะยานแตะ 104,000 ดอลลาร์ ทำให้สัดส่วนเหรียญที่ถือโดยนักลงทุนกลุ่มนี้ซึ่งอยู่ในภาวะมีกำไร เพิ่มขึ้นแตะระดับ 90% ส่งผลให้มีการขายทำกำไรออกมาบางส่วน ส่งผลให้ราคาผันผวนระหว่าง 102,000 ถึง 103,700 ดอลลาร์ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
โดย Valentin Fournier นักวิเคราะห์จาก BRN กล่าวว่า ตัวชี้วัดทางเทคนิคเริ่มส่งสัญญาณขายอ่อนๆ ตลาดดูเหมือนจะอยู่ในภาวะซื้อเกินไป โดยเฉพาะเมื่อความเคลื่อนไหวของสถาบันมักจะเบาบางในช่วงสุดสัปดาห์ จึงมีความเสี่ยงที่ราคาจะไหลลงได้
อย่างไรก็ตาม Glassnode ชี้ว่า ช่วงราคา 93,000-95,000 ดอลลาร์ อาจกลายเป็นแนวรับสำคัญหากเกิดการปรับฐานในระยะสั้น เพราะถือเป็นโซนที่นักลงทุนเห็นคุณค่าและพร้อมกลับเข้ามาซื้ออีกครั้ง
ที่มา: TheBlock