Arthur Hayes ผู้ร่วมก่อตั้งแพลตฟอร์มอนุพันธ์คริปโต BitMEX และเป็นหนึ่งในนักลงทุนระดับตำนานของวงการ ออกมาแสดงมุมมองล่าสุดว่า รัฐบาลสหรัฐฯ มีแนวโน้มจะต้องกู้เงินมากกว่าที่นักลงทุนทั่วไปคาดไว้ ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อสภาพคล่องในตลาด และเป็นแรงหนุนให้ราคาของ Bitcoin พุ่งสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ในบทสัมภาษณ์ล่าสุดกับสื่อ Fortune เขาประเมินว่าราคา Bitcoin อาจพุ่งไปแตะ 200,000 ดอลลาร์ในรอบขาขึ้นครั้งนี้ และมีโอกาสจะจบปี 2025 ที่ระดับ 250,000 ดอลลาร์ โดยเขาให้เหตุผลว่า รัฐบาลสหรัฐฯ จะต้องเพิ่มระดับการกู้ยืมเงิน ซึ่งจะนำไปสู่การออกพันธบัตรเพิ่ม และเพื่อรองรับการออกตราสารหนี้นี้ ธนาคารจะต้องเพิ่มเลเวอเรจให้กับผู้ซื้อ ซึ่งจะยิ่งทำให้มีดอลลาร์ไหลเวียนในระบบมากขึ้น
“ผมเชื่อว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ต้องกู้เงินมากกว่าที่เราคิดไว้ และด้วยเหตุนี้ Bessent (น่าจะหมายถึง Marcie Frost หรือเจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังคนใดคนหนึ่ง) จะต้องออกตราสารหนี้เพิ่มขึ้น และผลักดันให้ธนาคารช่วยให้ผู้ซื้อเข้าถึงเงินได้มากขึ้น เพื่อไม่ให้ต้นทุนดอกเบี้ยของรัฐบาลพุ่งเกินควบคุม”
เขายังเสริมว่าโมเดลการ Buyback ของรัฐบาลและนโยบายการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจะยิ่งผลักดันให้ตลาดมีสภาพคล่องเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน และถือเป็นปัจจัยบวกต่อราคาของ Bitcoin โดยเขาเชื่อว่าราคาได้ “bottom” หรือแตะจุดต่ำสุดไปแล้วในวันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา และจะเข้าสู่ขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“ผมคิดว่า Bitcoin จะพุ่งขึ้นอย่างมาก เพราะรัฐบาลยังคงต้องกู้เงินต่อไป และ Bessent จะทำทุกทางให้รัฐบาลหาเงินได้ในต้นทุนที่ถูกที่สุด”
นอกจากนี้ Hayes ยังทิ้งท้ายด้วยมุมมองระยะยาวว่า หาก Donald Trump กลับมาเป็นประธานาธิบดีอีกครั้งในปี 2024 และอยู่ครบวาระจนถึงปี 2028 เขาเชื่อว่า Bitcoin จะสามารถแตะระดับ 1 ล้านดอลลาร์ได้ภายในสิ้นสมัยของประธานาธิบดีคนนี้
อย่างไรก็ตาม บทความดังกล่าวเป็นเพียงแค่การเสนอข่าวเท่านั้น การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนอาจเสียเงินทั้งจำนวนได้ ดังนั้นผู้ลงทุนควรที่จะศึกษาและประเมินความเสี่ยงก่อนที่จะลงทุนในสินทรัพย์ใดๆ อยู่เสมอ
ที่มา: DailyHODL