Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI ได้ออกมาเปิดเผยเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้ ChatGPT ที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงวัย โดยเฉพาะกลุ่มคน Gen Z (อายุ 13 – 28 ปี) ที่ดูเหมือนจะพึ่งพา AI ตัวนี้เป็นอย่างมาก ถึงขั้นใช้เป็นที่ปรึกษาในการตัดสินใจเรื่องสำคัญในชีวิตประจำวันเลยทีเดียว
ChatGPT ได้เข้ามาเปลี่ยนวิธีคิดของคน Gen Z ไปอย่างสิ้นเชิง พวกเขาไม่ได้ใช้ AI แค่เพียงเพื่อช่วยทำการบ้านหรือหาข้อมูลอีกต่อไป แต่พวกเขายังใช้มันเป็นเหมือนเพื่อนคู่คิดในการตัดสินใจเรื่องใหญ่ๆ ในชีวิต ตั้งแต่เรื่องความสัมพันธ์ไปจนถึง การวางแผนเส้นทางหน้าที่การงาน
Altman ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ ในการบรรยายที่งาน AI Ascent ของ Sequoia Capital โดยระบุว่า “พวกเขาแทบจะไม่ตัดสินใจเรื่องใหญ่ในชีวิตเลย ถ้าไม่ได้ถาม ChatGPT ก่อนว่าควรทำอย่างไร” เขายังเสริมอีกว่าว่า AI มีข้อมูลบริบทเกี่ยวกับทุกคนในชีวิตของ Gen Z และสิ่งที่พวกเขาได้พูดคุยกัน ซึ่งทำให้ AI กลายเป็นแหล่งข้อมูลที่สำคัญอย่างมาก
ผู้ใช้ที่อายุน้อยเหล่านี้ ไม่ได้แค่คุยเล่นกับ AI แต่พวกเขากำลังสร้างขั้นตอนการทำงานที่ซับซ้อนรอบๆ ตัวมัน “พวกเขาใช้มันเหมือนเป็นระบบปฏิบัติการจริงๆ” Altman กล่าว “พวกเขามีวิธีการตั้งค่าที่ซับซ้อนเพื่อเชื่อมต่อกับไฟล์จำนวนมาก และพวกเขามีคำสั่ง (prompts) ที่ซับซ้อน ซึ่งจดจำอยู่ในหัว”
Altman อธิบายถึงรายละเอียดเพิ่มเติมด้วยว่า ‘คนอายุมาก’ มักจะใช้ ChatGPT แทน Google เวลาอยากรู้อะไรก็ถาม ChatGPT เหมือนหาข้อมูลทั่วไป ส่วน ‘คนวัย 20-30 ปี’ ใช้ ChatGPT เหมือนเป็นที่ปรึกษาชีวิต ปรึกษาเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวกับการดำเนินชีวิต แต่สำหรับ ‘นักศึกษามหาวิทยาลัย’ ใช้ ChatGPT เป็นเสมือน “ระบบปฏิบัติการ” ที่คอยจัดการและเป็นส่วนหนึ่งของทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตประจำวันของพวกเขาเลย
ตามรายงานจาก OpenAI เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ยังยืนยันอีกว่า นักศึกษามหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ กลายเป็นผู้ใช้ที่มีส่วนร่วมกับ AI มากที่สุด โดยมากกว่าหนึ่งในสามของชาวอเมริกันอายุ 18-24 ปี มีการใช้งาน ChatGPT อยู่ และแนวโน้มนี้กำลังขยายไปสู่กลุ่มคนที่มีอายุน้อยลงมาอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม Altman ได้เน้นย้ำถึง ความสำคัญของการสร้างระบบ AI ที่สามารถพัฒนาไปพร้อมกับผู้ใช้งานได้ โดยเขากล่าวว่า “เรายังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการสำรวจเรื่องนี้ แต่ผมคิดว่าสิ่งที่ผู้คนต้องการคือ…โมเดลที่รู้จักตัวเราจริงๆ และมีประโยชน์กับเรามากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป”
ที่มา:quartz