ไมเคิล เซย์เลอร์ (Michael Saylor) ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Strategy ส่งสัญญาณเตรียมซื้อ Bitcoin เพิ่มอีกครั้ง หลังจากเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน Michael Saylor ได้โพสต์กราฟราคาลงบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย X พร้อมแคปชันสั้น ๆ ว่า “สีส้มคือสีโปรดของผม” ซึ่งทำให้หลายคนตีความว่า นี่คือการบอกใบ้ถึงการซื้อ Bitcoin รอบใหม่ของบริษัท และถือเป็นสัปดาห์ที่ 8 ติดต่อกันที่ Strategy จะซื้อ Bitcoin เพิ่มในรอบล่าสุดนี้
จากข้อมูลของ SaylorTracker แสดงให้เห็นว่า การลงทุนใน Bitcoin ของ Strategy ขณะนี้มีกำไรที่ยังไม่ขายมากกว่า 50% หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 20,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือว่าเป็นกำไรที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง (unrealized gains)
ล่าสุดเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคมที่ผ่านมา Strategy เพิ่งเข้าซื้อ Bitcoin เพิ่มอีก 4,020 BTC คิดเป็นมูลค่าราว ๆ 427 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ตอนนี้บริษัทถือครอง Bitcoin รวมทั้งสิ้น 580,250 BTC กลายเป็นองค์กรที่ถือ BTC มากที่สุดในโลก แซงหน้ารัฐบาลสหรัฐฯ และจีนรวมกันเสียอีก ตามข้อมูลจากเว็บไซต์ Bitcoin Treasuries
ซึ่งนักเทรดจำนวนไม่น้อยก็เริ่มมองว่า Strategy กลายเป็นเหมือนตัวแทนของ Bitcoin ไปแล้ว เพราะราคาหุ้นของบริษัทมักจะเคลื่อนไหวตามราคาของ BTC โดยตรง
การที่ Strategy เข้าซื้อ Bitcoin อย่างต่อเนื่อง ยังส่งผลต่อโครงสร้างตลาดด้วย โดยนักวิเคราะห์จาก CryptoQuant อย่าง Ki Young Ju ก็ออกมาเตือนว่า การที่มีสถาบันเข้ามาซื้อ BTC เยอะ ๆ แบบนี้ อาจทำให้เกิด supply shock หรือภาวะที่เหรียญเริ่มหายาก จนราคาดีดตัวขึ้นได้ ขณะที่ฝั่ง ธนาคารคริปโตอย่าง Sygnum Bank ก็เห็นด้วยกับแนวคิดนี้
อย่างไรก็ตาม ก็มีเสียงวิจารณ์ออกมามากขึ้นเรื่อย ๆ เกี่ยวกับความโปร่งใสของ Strategy โดยเฉพาะประเด็นเรื่อง ไม่มีการเปิดเผย “Proof of Reserve” หรือหลักฐานการถือครอง Bitcoin ว่า มี Bitcoin จริง ๆ เท่าที่กล่าวอ้างหรือไม่
ซึ่ง Michael Saylor เคยตอบเรื่องนี้ไว้ว่า สำหรับบริษัทขนาดใหญ่ การทำ proof of reserves อาจเป็นความเสี่ยง เพราะจะเป็นการเปิดเผยกระเป๋าเก็บเหรียญต่อสาธารณะ ซึ่งอาจทำให้ตกเป็นเป้าของแฮกเกอร์หรือภัยคุกคามอื่น ๆ ได้
ประเด็นนี้กลายเป็นการถกเถียงในวงกว้าง เพราะแม้การทำธุรกรรมบนบล็อกเชนจะโปร่งใส แต่ความโปร่งใสระดับนั้นก็อาจไม่ใช่เรื่องที่สถาบันใหญ่ ๆ พร้อมเปิดเผยโดยไม่มีความเสี่ยงกลับมาเช่นกัน
ที่มา : cointelegraph

