JPMorgan ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ วางแผนที่จะเปิดบริการใหม่ให้กับลูกค้าโดยจะสามารถนำสินทรัพย์เกี่ยวกับกองทุน ETF คริปโทฯ มาใช้เป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อเพื่อการกู้ยืมเงิน ตามรายงานจาก Bloomberg เมื่อวันที่ 4 มิถุนายนที่ผ่านมา
แผนการของ JPMorgan คือ การอนุญาตให้มีการกู้ยืมโดยใช้กองทุน ETF คริปโทฯ เป็นหลักประกันได้ภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ โดยจะเริ่มต้นด้วย BlackRock’s iShares Bitcoin Trust ซึ่งเป็นกองทุน Spot Bitcoin ETF ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ และมีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิสูงถึง 70,100 ล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลจาก Sosovalue.com
ไม่เพียงเท่านั้น JPMorgan ยังได้ระบุชัดเจนว่า จะนำสินทรัพย์คริปโทฯ ที่ลูกค้าถือครองอยู่มาพิจารณาในการประเมินความมั่งคั่งสุทธิอีกด้วย ซึ่งหมายความว่าธนาคารจะมองสินทรัพย์ดิจิทัลเหล่านี้ว่า มีความคล้ายคลึงกับสินทรัพย์แบบดั้งเดิม ไม่ว่าจะเป็นหุ้นหรืออสังหาริมทรัพย์ ในการพิจารณาว่าลูกค้าแต่ละคนจะสามารถกู้ยืมเงินได้มากน้อยแค่ไหน
JPMorgan ถือเป็นธนาคารยักษ์ใหญ่แห่งแรกๆ ที่บุกเบิกการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้ในบริการต่างๆ เช่น ระบบการชำระเงิน และมีลูกค้าชั้นนำอย่าง Coinbase Global Inc. ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโทฯ รายใหญ่
อย่างไรก็ตาม Jamie Dimon ซีอีโอของ JPMorgan นั้นก็เป็นที่ทราบกันดีว่ามีความกังขาต่อสกุลเงินดิจิทัลมานานแล้ว ในงานประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา Dimon ได้ยอมรับว่าเขา “ไม่ชอบ” Bitcoin แต่ JPMorgan จะอนุญาตให้ลูกค้าซื้อ Bitcoin ได้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงท่าทีที่แม้จะไม่เห็นด้วย แต่ก็เคารพในการตัดสินใจของลูกค้าและยอมรับในสิ่งที่ตลาดต้องการ

การเคลื่อนไหวของ JPMorgan เกิดขึ้นท่ามกลางความร้อนแรงของตลาดคริปโทฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กองทุน Spot Bitcoin ETF ที่ถูกเปิดตัวในสหรัฐฯ เมื่อเดือนมกราคม 2024 และสร้างปรากฏการณ์การเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีมูลค่ารวมกันกว่า 128,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้กองทุนเหล่านี้ กลายเป็นการเปิดตัวกองทุนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การเงิน
ยิ่งไปกว่านั้น ราคาของ Bitcoin (BTC) เองก็พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ Donald Trump ชนะการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว โดยสามารถทำราคาสูงสุดตลอดกาลได้ที่ $111,980 ต่อ 1 BTC ในเดือนพฤษภาคม 2025
ที่มา:cointelegraph และ Bloomberg

