เรื่องราวของสองตัวพ่อแห่งอเมริกาอย่างประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลกอย่าง อีลอน มัสก์ ที่เคยรักกันปานจะกลืนกินในทำเนียบขาว กำลังพลิกผันกลายเป็นมหากาพย์ความขัดแย้งที่ดุเดือดสุดๆ อะไรกันที่ทำให้ความสัมพันธ์อันแนบแน่นนี้พังครืนลงในพริบตา
จุดแตกหักของความสัมพันธ์นี้ เริ่มต้นมาจากเรื่องที่คาดไม่ถึงเลย นั่นคือประเด็นร้อนเรื่อง “ร่างกฎหมายภาษีขนาดใหญ่” ของทรัมป์ ที่บานปลายจน อีลอน มัสก์ ทนไม่ไหว ออกมาประกาศอย่างเปิดเผยว่า ทรัมป์ควรถูกไล่ออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีไปซะเลย และเขาไม่ใช่แค่พูดเฉยๆ เท่านั้น มัสก์ยังจัดหนักโพสต์โจมตีทรัมป์ส่วนตัวบนโซเชียลมีเดียรัวๆ แถมยังแอบทิ้งระเบิดลูกใหญ่ด้วยการอ้างลอยๆ ว่าทรัมป์มีชื่ออยู่ใน “ไฟล์คดี Eipstein” หรือเอกสารลับๆ ที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรทางเพศผู้ล่วงลับ เจฟฟรีย์ เอปชไตน์ ซึ่งยังเป็นปริศนาว่ามีชื่อใครอีกบ้างในนั้น
แน่นอนว่า ทรัมป์ เองก็ไม่ใช่คนที่จะยอมโดนอยู่ฝ่ายเดียว เขาตอบโต้กลับทันควันด้วยการระดมยิงโพสต์บนโซเชียลมีเดียของเขาเอง อ้างว่าเขาเป็นคนบอกให้มัสก์ลาออกจากทำเนียบขาวเอง แถมยังขู่จะตัดเงินอุดหนุนและสัญญาทั้งหมดที่รัฐบาลเคยมอบให้บริษัทของมหาเศรษฐีรายนี้อีกด้วย

แล้วอะไรกันแน่ที่ทำให้มิตรภาพของสองคนนี้พังครืนลง และอะไรจะเกิดขึ้นต่อไปกับสองตัวพ่อที่คนนึงถูกยกให้เป็นคนรวยที่สุดในโลก อีกคนเป็นคนทรงอำนาจที่สุดในโลก มาฟังเรื่องราวแบบเต็มๆ กันเลยครับ
ย้อนวันวาน ตอนทั้งคู่ยังอยู่ในช่วง “ฮันนีมูน”
ย้อนกลับไปช่วงไม่กี่เดือนก่อนหน้า ก่อนที่ไฟสงครามน้ำลายจะเริ่มปะทุ มัสก์ กับ ทรัมป์ ดูเหมือนจะเป็นคู่หูทางการเมืองที่ซี้ปึ้กกันสุดๆ มัสก์ ถึงกับควักเงินเกือบ 200 ล้านดอลลาร์ เพื่อสนับสนุนให้ทรัมป์ชนะเลือกตั้งเป็นสมัยที่สองในปี 2024 และเพียงไม่กี่วันหลังทรัมป์ได้นั่งเก้าอี้ประธานาธิบดี เขาก็ตอบแทนด้วยการแต่งตั้งมัสก์ให้เป็นผู้นำหน่วยงานใหม่เอี่ยมที่ตั้งขึ้นมาเพื่อ “ช่วยลดการใช้จ่ายของรัฐบาล” ชื่อเท่ๆ ว่า Department of Government Efficiency หรือ “DOGE”

แม้แต่ชื่อหน่วยงานก็ยังดูตั้งเอาใจ อีลอน มัสก์ เพราะคำว่า “DOGE” ก็คือเหรียญมีมตัวโปรดของมัสก์นั้นเอง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า มัสก์ได้รับไฟเขียวจากทรัมป์มากแค่ไหน
ในช่วงแรกๆ ที่ทรัมป์กลับมาดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีอีกครั้ง มัสก์ กลายเป็นคนสำคัญในรัฐบาลแบบสุดๆ แต่ก็โดนวิจารณ์หนักมากเช่นกัน เพราะภายใต้การนำของเขา DOGE ก็เล่นใหญ่ ปลดพนักงานของรัฐบาลไปหลายพันคน แถมยังลดขนาดหน่วยงานต่างๆ จนบางทีนักการเมืองฝั่งเดโมแครตยังถึงกับประชดเรียกมัสก์ว่า “ประธานาธิบดีอีลอน” เลยทีเดียว เพื่อเป็นการต่อว่าทรัมป์ให้เจ็บๆ ทางอ้อม
ทว่าในตอนนั้น ทรัมป์ กับ มัสก์ ก็ยังคงแสดงออกว่ารักกันดีไม่มีปัญหา ในการสัมภาษณ์กับช่องข่าว Fox News เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่ามา ทั้งคู่ปรากฏตัวเคียงข้างกัน แถมยังชมกันเองอย่างออกนอกหน้า
จุดจบของมิตรภาพ เมื่อผลประโยชน์ไม่ลงรอยกัน !
มีคำคมทางการเมืองที่ว่า “ไม่มีมิตรแท้หรือศัตรูที่ถาวร มีแต่เรื่องผลประโยชน์เท่านั้น” ซึ่งดูเหมือนจะจริงอย่างมากกับเรื่องราวของทรัมป์ เพราะเขามีประวัติการปลดที่ปรึกษาและตัดความสัมพันธ์กับเพื่อนเก่าอยู่เสมอ มัสก์ เป็นเพียงการแตกหักครั้งล่าสุดที่โดดเด่น และอาจไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจสำหรับคนที่ตามข่าวการเมืองอยู่แล้ว

เรื่องราวของ “เพื่อนซี้” อย่าง ทรัมป์ กับ มัสก์ มันเริ่มพังไม่เป็นท่าในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา มีข่าวลือหนาหูเรื่องการทะเลาะกันหลังบ้านระหว่างมหาเศรษฐีกับคนวงในของประธานาธิบดี ในเดือนเมษายน มัสก์ ก็ประกาศว่าจะใช้เวลากับ DOGE น้อยลง ซึ่งตอนนั้นบทบาทของเขาก็ดูเหมือนจะลดลงไปเยอะแล้ว ไม่ค่อยเห็นเขาเป็นข่าวใหญ่หรือโผล่ไปที่ห้องทำงานรูปไข่ในทำเนียบขาวอีกต่อไป
ล่าสุดในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม 2025 อีลอน มัสก์ ได้ออกมาเปิดฉากวิพากษ์วิจารณ์ร่างกฎหมายภาษีและงบประมาณที่ทำเนียบขาวสนับสนุน ซึ่งมีชื่อเท่ๆ ว่า “One Big Beautiful Bill Act” เขาบ่นกับรายการทีวีว่า “ผมผิดหวังมากจริงๆ ที่เห็นร่างกฎหมายใช้จ่ายเงินมหาศาลแบบนี้ เพราะมันยิ่งทำให้งบประมาณขาดดุลหนักขึ้น ไม่ได้ช่วยลดลงเลย แถมยังบ่อนทำลายงานที่ทีม DOGE กำลังทำอยู่ด้วยซ้ำ” ที่สำคัญ ร่างกฎหมายฉบับนี้มีการตัดเงินอุดหนุนรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่เป็นผลประโยชน์ของบริษัท Tesla ของมัสก์อีกด้วย
แม้ว่า ทรัมป์ จะขึ้นชื่อเรื่องความใจร้อน แต่เขาก็ยังคงใจเย็นท่ามกลางคำวิพากษ์วิจารณ์ในช่วงแรกของมัสก์ แถมยังยอมรับกับนักข่าวว่า “ผมก็ไม่ค่อยแฮปปี้กับบางส่วนของร่างกฎหมายนี้หรอก”
ทั้งสองคนยังเคยโผล่มาปรากฏตัวต่อสาธารณะด้วยกันในห้องทำงานรูปไข่อีกครั้ง ซึ่งทรัมป์ก็ฉลองการสิ้นสุดบทบาทของมัสก์ในฐานะพนักงานพิเศษของรัฐบาล แต่แม้กระทั่งตอนนั้น ทรัมป์ยังยืนยันว่ามัสก์ “ไม่ได้ออกจาก” ทีมของเขาจริงๆ เหมือนจะยังอยากรั้งกันไว้ แต่สุดท้ายก็ไปไม่รอด
เพราะเมื่อมัสก์ออกจากรัฐบาลแล้ว เขาก็ไม่ได้แค่แสดงความไม่พอใจกับร่างกฎหมายงบประมาณเท่านั้น แต่ดูเหมือนเขาจะพยายามล็อบบี้ต่อต้านมันแบบเต็มตัวด้วย
ร่างกฎหมายฉบับนี้ เพิ่งผ่านสภาผู้แทนราษฎรไปอย่างหวุดหวิด แต่ก็ต้องไปลุ้นต่อในวุฒิสภา ซึ่งก็เจออุปสรรคไม่น้อย โดยมัสก์ ได้ออกมาโพสต์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา บน X ว่า “ผมขอโทษนะ แต่ผมทนต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆ! ร่างกฎหมายการใช้จ่ายของรัฐสภาที่มหาศาล อุกอาจ และเต็มไปด้วยผลประโยชน์แอบแฝงนี้มันน่ารังเกียจสิ้นดี !”
แล้วสงครามก็เริ่มขึ้นอย่างเต็มตัว !
ทรัมป์ ตอบโต้ในวันพฤหัสบดี โดยเริ่มต้นด้วยการปรากฏตัวในห้องทำงานรูปไข่พร้อมกับนายกรัฐมนตรีเยอรมนี ฟรีดริช แมร์ซ ทรัมป์กล่าวแบบน้อยใจว่า “ผมผิดหวังมากเพราะอีลอนรู้เบื้องหลังของร่างกฎหมายนี้ดีกว่าเกือบทุกคนที่นั่งอยู่ที่นี่” ทรัมป์บอกนักข่าวว่า ที่มัสก์มีปฏิกิริยาแบบนี้ เพราะโดนผลกระทบจากนโยบายรถยนต์ไฟฟ้าของเขา และยังแอบเดาว่า มัสก์คงอยากอยู่ในทำเนียบขาวต่อ
หลังจากนั้น ทรัมป์ ก็ไประบายความในใจลงบนโซเชียลมีเดียของเขา Truth Social “อีลอน ‘ทำตัวไม่ดี’ ผมขอให้เขาออกไป ผมถอนคำสั่งเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าที่บังคับให้ทุกคนซื้อรถยนต์ไฟฟ้าที่ไม่มีใครต้องการ (ที่เขารู้มาหลายเดือนแล้วว่าผมจะทำ!) แล้วเขาก็คลั่งไปเลย!” ทรัมป์เขียน
ขณะเดียวกัน มัสก์ ก็ยังคงโพสต์บนโซเชียลมีเดีย วิพากษ์วิจารณ์ร่างกฎหมายของทรัมป์ และยังทวงบุณคุณในการช่วยหาเสียงเลือกตั้งให้เขาด้วยซ้ำ โดยมัสก์โพสต์ว่า “ถ้าไม่มีผม ทรัมป์คงแพ้เลือกตั้งไปแล้ว” พร้อมปิดท้ายแบบเจ็บๆ ว่า “ช่างเนรคุณจริงๆ”
ใครจะชนะในสงครามครั้งนี้ ?

เรื่องราวของสองผู้ยิ่งใหญ่แห่งอเมริกา ยังคงเป็นปริศนาที่ต้องติดตามกันต่อไป แม้ว่า มัสก์ จะได้รับความนิยมในกลุ่มแฟนๆ ของพรรครีพับลิกัน แต่การที่เขาผงาดขึ้นมาทางการเมืองได้ ส่วนหนึ่งก็มาจากความสัมพันธ์กับ ทรัมป์ ตอนนี้เขาก็อาจจะกลายเป็นคนที่ไม่เป็นที่พอใจของทั้งพรรคเดโมแครตและกลุ่มผู้ภักดีต่อทรัมป์เลยก็ได้
ส่วน ทรัมป์ เองก็มีประวัติรอดพ้นจากเรื่องอื้อฉาวต่อสาธารณะ รวมถึงข้อกล่าวหาทางอาญามาแล้วนับไม่ถ้วน แถมยังแสดงความพร้อมที่จะใช้อำนาจของรัฐบาลเพื่อเล่นงานคู่แข่ง ล่าสุดก็เพิ่งสั่งสอบสวนการบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน อดีตคู่ปรับจากพรรคเดโมแครตไปหมาดๆ
ล่าสุด ทรัมป์ ได้ขู่เรื่องผลกระทบต่อธุรกิจของมัสก์แล้ว ทั้งบริษัท SpaceX และ Starlink โดยเขียนว่า “วิธีที่ง่ายที่สุดในการประหยัดงบประมาณของเรา หลายพันล้านดอลลาร์ คือการยุติเงินอุดหนุนและสัญญาของรัฐบาลที่มอบให้อีลอน” นี่คือการขู่ตัดท่อน้ำเลี้ยงกันแบบซึ่งๆ หน้า
มหากาพย์ความขัดแย้งระหว่างสองยักษ์ใหญ่แห่งอเมริกันนี้ ยังคงดำเนินต่อไปอย่างเข้มข้น และต้องจับตาดูว่าใครจะเป็นผู้ชนะในสงครามน้ำลายและการเมืองครั้งนี้กันแน่
- ที่มาข่าว:aljazeera
- ที่มาภาพ:FinancialTimes