ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา เครือข่าย Bitcoin เผชิญกับการลดลงของ hashrate ที่รุนแรงที่สุดในรอบ 3 ปี โดยข้อมูลจาก Blockchain.com ระบุว่า hashrate ลดลงจากระดับ 943.6 ล้านเทราแฮชต่อวินาที (TH/s) เหลือ 799.9 ล้าน TH/s คิดเป็นการลดลงกว่า 15%
การลดลงครั้งนี้ทำให้เกิดกระแสคาดเดาจากในวงการคริปโตอย่างมากว่า ทั้งปัจจัยจากภูมิรัฐศาสตร์และสิ่งแวดล้อมเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกรณีของอิหร่านที่มีเหมือง Bitcoin ขนาดใหญ่ซึ่งควบคุมโดยกลุ่ม Islamic Revolutionary Guard Corps
โดยในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม สภาต่อต้านรัฐบาลอิหร่านรายงานว่ากลุ่มที่เกี่ยวข้องกับรัฐมีส่วนทำให้เกิดไฟฟ้าดับในประเทศ ซึ่งอาจเชื่อมโยงกับการขุด Bitcoin ขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณารายละเอียดเชิงลึกแล้ว พบว่ามีเพียง 3% ของการลดลงของ hashrate เท่านั้นที่เกิดขึ้นตรงกับช่วงเวลาที่อิหร่านมีไฟฟ้าดับหรือเผชิญการโจมตีทางไซเบอร์จากสหรัฐฯ
สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าการลดลงของ hashrate เริ่มต้นขึ้นก่อนเหตุการณ์ที่อิหร่าน จึงน่าจะเป็นแนวโน้มที่เกิดขึ้นเองอยู่แล้ว ก่อนจะได้รับผลกระทบเพิ่มจากสถานการณ์ภายนอก
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ถูกจับตาคือคลื่นความร้อนและราคาพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้นในสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลให้ประสิทธิภาพของเหมืองลดลง รวมถึงอาจทำให้เหมืองที่มีกำไรต่ำต้องหยุดการดำเนินการชั่วคราว
โดยบริษัทไฟฟ้า Con Edison ในนิวยอร์กได้ขอให้ลูกค้าประหยัดพลังงานในช่วงนี้ ส่งผลให้ราคาพลังงานพุ่งสูงสุดตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ค่าของ hashrate ที่เห็นในปัจจุบันไม่ได้เป็นการวัดโดยตรง แต่คำนวณจากเวลาในการสร้างบล็อกและระดับความยากของการขุด ซึ่งมีความแปรผันตามสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง
ถึงแม้ทฤษฎีที่โยงไปยังอิหร่านยังไม่สามารถตัดทิ้งได้ทั้งหมด แต่ข้อมูลชี้ว่าแรงกดดันด้านภูมิรัฐศาสตร์ สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจอาจเป็นปัจจัยร่วมที่ทำให้เครือข่าย Bitcoin ต้องเผชิญกับวิกฤตการขุดในรอบนี้
ที่มา: Cointelegraph