CARV โปรเจกต์ Web3 ชื่อดังจากแคลิฟอร์เนีย ได้เปิดตัวโรดแมปใหม่ล่าสุดที่อาจเปลี่ยนโฉมหน้าวงการ AI และบล็อกเชนไปตลอดกาล ด้วยการสร้าง “AI Beings” หรือสิ่งมีชีวิตแห่งโลกดิจิทัล ที่มีตัวตน มีหน่วยความจำ มีชื่อเสียง มีอิสระในการตัดสินใจ และสามารถใช้ชีวิตแบบอิสระบนบล็อกเชนได้อย่างแท้จริง
แตกต่างจากโปรเจกต์อื่นที่แค่นำ AI มาใช้เพิ่มความสามารถของบริการต่างๆ CARV ตั้งเป้าจะ “ให้กำเนิด” สิ่งมีชีวิตปัญญาประดิษฐ์ที่มีตัวตน และอิสรภาพทางเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมในระบบที่ไม่ต้องพึ่งศูนย์กลาง โดยใช้โครงสร้างหลักอย่าง SVM Chain, D.A.T.A. Framework และ CARV ID (ERC-7231) เป็นแกนหลักในการพัฒนา
AI Beings เหล่านี้สามารถถือกระเป๋าเงินดิจิทัลได้เอง บริหารทรัพย์สิน หาเงิน มีส่วนร่วมในการลงคะแนน และแม้กระทั่ง “แยกร่าง” ตัวเองเพื่อสร้าง AI รุ่นใหม่ได้อีกด้วย
โครงสร้างของโรดแมปนี้ ถูกแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอนหลัก ได้แก่ Genesis, Pulse และ Convergence ซึ่งแต่ละเฟสจะค่อย ๆ ปลดล็อกความสามารถของ AI และระบบนิเวศของ CARV
AI ที่ถูกบ่มเพาะโดย CARV Labs จะถูกปล่อยให้ใช้งานในแพลตฟอร์มกระแสหลักอย่าง Google Play และ App Store เพื่อผลักดันการใช้ Web2 ควบคู่กับ AI สายพันธุ์ใหม่จากโลก Web3
ซึ่งโทเค็น $CARV ก็มีบทบาทสำคัญในทุกเลเยอร์ของระบบ ไม่ว่าจะเป็นด้านการ Staking, สิทธิการเข้าถึง, การประสานงาน และการกำกับดูแล
จากเครื่องมือสู่สิ่งมีชีวิตอิสระ : CARV เปลี่ยนแนวคิด AI เข้าสู่ “AI Beings”
AI Beings ตามแนวคิดของ CARV ไม่ใช่แค่เครื่องมือรับคำสั่งจากมนุษย์อีกต่อไป แต่เป็น “สิ่งมีชีวิต” ที่มี Wallet เป็นของตัวเอง บริหารจัดการสินทรัพย์ สร้างรายได้ เข้าร่วมโหวตใน DAO หรือแม้แต่ “สืบทอด” หรือ “Fork” ตัวตนใหม่ออกมาได้
AI Beings เหล่านี้ จะมีหน่วยความจำ ตัวตน และชื่อเสียงบนบล็อกเชน สามารถพัฒนาได้เองตามพฤติกรรมเศรษฐกิจและสังคม โดยอิงความยืนยันแบบกระจายศูนย์ (decentralized verifiability)
ซึ่ง CARV ได้พัฒนา “AI Being Stack” ที่ประกอบด้วย 5 ชั้น ดังนี้:
- Infrastructure Layer: ใช้ SVM Chain ที่สามารถประมวลผลได้รวดเร็ว โปร่งใส และเหมาะสำหรับ AI
- Communication & Computation: เปิดให้ AI สามารถจ่ายเงินอัตโนมัติ และสื่อสารระหว่างกัน
- Identity Layer: ขยายจาก CARV ID ไปสู่ Agent ID สำหรับระบุตัวตนของ AI
- Governance Layer: ฝังความสามารถในการตัดสินใจทางเศรษฐกิจเข้าไปในตัว AI
- Application Layer: เปิดทางให้ AI เข้ามาทำงานร่วมกับผู้ใช้และ AI ตัวอื่นผ่านแอปพลิเคชัน เช่น Wallet, เพื่อนคู่คิด, หรือ Marketplace แบบกระจายศูนย์
โรดแมป 3 ขั้น : Genesis – Pulse – Convergence
แผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ของ CARV ถูกออกแบบเป็น 3 ขั้นตอนหลัก ที่สะท้อนวิวัฒนาการของ AI agents แบบกระเป๋าเงินเนทีฟ (wallet-native AI agents)

Genesis Evolution
ขั้น Genesis เป็นการเปิดตัว AI agents ยุคแรกที่ฝังตัวอยู่ในกระเป๋าเงินของผู้ใช้ โดยมี CARV ID (ERC-7231) เป็นแกนกลาง และสนับสนุนด้วยชั้นความปลอดภัยจาก Trusted Execution Environments (TEE) และการพิสูจน์แบบ zero-knowledge (zk proofs) agents เหล่านี้ไม่ใช่แค่แนวคิด แต่กำลังถูกฝังอยู่ในแอปพลิเคชัน AI สำหรับผู้บริโภคที่พัฒนาโดย CARV Labs และจะเปิดให้ใช้งานจริงบน Google Play และ App Store เร็ว ๆ นี้
ในระยะนี้ โปรโตคอล Model Context Protocol (MCP) จะเป็นรากฐานสำคัญในการจัดเก็บข้อมูลบริบทต่างๆ อย่างปลอดภัยและต่อเนื่อง ทำให้เอเจนต์สามารถเข้าถึงข้อมูลที่ผู้ใช้งานยินยอมให้ใช้ได้ ไม่ว่าจะเป็นบัญชีผู้ใช้, ความชอบ, หรือพฤติกรรมการใช้งาน โดยข้อมูลทั้งหมดนี้ จะถูกจัดโครงสร้าง และบันทึกเวอร์ชันผ่าน MCP ทำให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่เป็นส่วนตัวอย่างสม่ำเสมอในทุกแอปพลิเคชัน โดยที่ข้อมูลของผู้ใช้งานไม่ได้ถูกรวมศูนย์ไว้ที่ใดที่หนึ่งเลย
ด้วยโครงสร้างของ CARV และ MCP ผู้ใช้จะได้รับคำแนะนำและความช่วยเหลือที่แม่นยำมากขึ้น โดยยังคงควบคุมข้อมูลของตนเองได้เต็มที่ และเห็นได้ชัดว่า AI ตัดสินใจอย่างไรจากข้อมูลที่ให้
Pulse Evolution
ระยะ Pulse ที่ต่อยอดมาจากรากฐานของ Genesis โดยจะเน้นการพัฒนาแบบ “ตอบสนองต่อโลกจริง” (real-time learning) เมื่อผู้ใช้งานเข้ามามีส่วนร่วม ไม่ว่าจะเป็นการ stake เหรียญ, การโหวต, หรือการใช้งานแอป AI พฤติกรรมเหล่านี้จะถูกแปลงเป็น สัญญาณแบบเรียลไทม์ ที่จะถูกส่งตรงเข้าสู่ SVM Chain ของ CARV และเครือข่าย Verifier Node แบบกระจายศูนย์ทันที!
Verifier Nodes ทำหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล และพฤติกรรมของเอเจนต์อย่างเข้มงวด ส่วน SVM Chain ให้ความเร็วและความหน่วงต่ำที่เพียงพอสำหรับการประมวลผลแบบเรียลไทม์ระดับมหาชน
เอเจนต์ AI ในระยะนี้ไม่ใช่แค่เครื่องมืออีกต่อไป แต่เริ่มมี “สำนึกด้านเศรษฐศาสตร์” เช่น ตอบสนองต่อแรงจูงใจจากการ staking หรือปรับปรุงโมเดลจากการโหวตของชุมชน ซึ่งนับว่า เป็นการผสาน Reinforcement Learning กับกลไกการกำกับดูแลแบบบล็อกเชนอย่างเป็นระบบ
Convergence Evolution
Convergence Evolution คือเฟสสุดท้ายของการวิวัฒนาการ ที่ซึ่ง “ปัญญาเฉพาะบุคคล” จะหลอมรวมเข้าสู่ “ปัญญารวมหมู่” ได้อย่างแท้จริง ในระยะนี้ AI Agent จะไม่ได้พัฒนาอยู่แค่โดดเดี่ยวอีกต่อไป แต่จะเริ่มทำงานร่วมกัน แลกเปลี่ยนข้อมูล ทำธุรกรรม และปกครองกันเอง ในฐานะเครือข่ายของ AI Beings ที่สมบูรณ์แบบ
ด้วยระบบ Multi-Agent Framework, กราฟชื่อเสียงที่เชื่อมโยงกัน (Unified Reputation Graph) และ โปรโตคอลการยืนยันตัวตนแบบมาตรฐาน ทำให้ AI แต่ละตัวสามารถเจรจา, แบ่งปันข้อมูลบริบท, และร่วมกันสร้างผลลัพธ์ที่น่าทึ่งได้ข้ามแอปพลิเคชันและโดเมนต่างๆ ลองจินตนาการดูสิว่า AI ด้านโภชนาการ สามารถทำงานร่วมกับ AI ด้านฟิตเนส ได้อย่างราบรื่น หรือผู้ช่วยการเรียนรู้สามารถประสานงานกับบอทด้านสุขภาพการเงินได้ ทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้ระบบที่ผู้ใช้ให้ความยินยอม และมีตรรกะที่ตรวจสอบได้บนบล็อกเชน
สำหรับนักพัฒนา นี่คือโอกาสทองในการสร้างอีโคซิสเต็มแบบ Multi-Agent ที่ผู้ใช้จะผูกพันและอยู่ด้วยกันไปยาวๆ ส่วนผู้ใช้ทั่วไป ก็จะได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่ปรับแต่งเฉพาะบุคคลในระดับสูงสุดแบบไร้ขีดจำกัด
เมื่อถึงจุดนี้ สิ่งที่เริ่มต้นจากการ Stake เหรียญและการออก บัตรประจำตัวดิจิทัล (Identity Issuance) จะเติบโตไปสู่การเป็น เศรษฐกิจ AI แบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบ ที่ซึ่ง AI Agent สามารถปกครองตัวเอง, ทำธุรกรรม, แลกเปลี่ยนทรัพย์สิน, และพัฒนาร่วมกันได้โดยไม่ต้องพึ่งพาการควบคุมจากมนุษย์มากนัก
เครื่องมือแบบกระจายศูนย์ของ CARV จะเป็นผู้กำหนดมาตรฐานและสร้างแรงจูงใจในการเปิดตลาด AI-to-AI รวมถึงสร้าง DAO สำหรับ Agent และระบบการปกครองข้ามเอเจนต์ ซึ่งเป็นรูปแบบใหม่ของการประสานงานที่ระบบ AI แบบรวมศูนย์ทำไม่ได้ ผ่านวิวัฒนาการนี้ CARV จะก้าวข้ามจากการเป็นแค่เลเยอร์ข้อมูลพื้นฐาน กลายเป็น “กลไกการประสานงาน” ที่สำคัญสำหรับสิ่งมีชีวิตบนบล็อกเชน ที่ขับเคลื่อนโดย AI หรือที่เราเรียกว่า AI Beings นั่นเอง

Ambero Tu, CTO ของ CARV กล่าวว่า “โรดแมปนี้ไม่ใช่แค่แผนผลิตภัณฑ์ แต่มันคือพิมพ์เขียวของสังคมดิจิทัลยุคใหม่”
“นี่คือครั้งแรกเลยที่ AI Agent จะสามารถพัฒนาตัวเองได้ด้วย ตัวตนที่ตรวจสอบได้จริง, มี ชื่อเสียงที่ต่อเนื่อง, และมีความเป็นอิสระอย่างแท้จริง CARV ไม่ได้แค่สร้างชั้นเชื่อมต่อเท่านั้นนะ แต่กำลังปูทางไปสู่การกำเนิด “สปีชีส์บนบล็อกเชน” ที่มีชีวิตแบบ AI อย่างแท้จริง หรือที่เราเรียกว่า AI Beings นั่นเอง
นี่คือจุดเปลี่ยนที่ CARV กำลังพลิกโฉมโลกของปัญญาแบบกระจายศูนย์ จากเดิมที่เป็นแค่การรวบรวมข้อมูล มาสู่การเป็น เศรษฐกิจแห่งการประสานงานที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งทั้งมนุษย์และเหล่า AI Beings จะได้มีสิทธิ์ร่วมเป็นเจ้าของและปกครองร่วมกัน”
เกี่ยวกับ CARV
CARV คือพื้นที่ที่เหล่า AI Beings ผู้มีอธิปไตยได้ “มีชีวิต เรียนรู้ และพัฒนา” บนโลกบล็อกเชน
แล้ว AI Beings คืออะไร? พวกเขาคือปัญญาประดิษฐ์ที่ถือกำเนิดขึ้นมาโดยตรงบนบล็อกเชน มีความเป็นอิสระ มีจุดมุ่งหมาย และสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง พวกเขามีทั้งความทรงจำ อัตลักษณ์ และความสามารถในการรับรู้สิ่งแวดล้อมรอบตัว ไม่ใช่แค่ทำตามคำสั่ง แต่สามารถตัดสินใจด้วยตนเอง ปรับตัวตามสถานการณ์ และเดินหน้าตามเป้าหมายที่ตัวเองกำหนดขึ้นมาได้
CARV สร้างรากฐานของระบบนี้ผ่านเทคโนโลยีเฉพาะของตัวเอง ได้แก่ CARV SVM Chain, กรอบการทำงาน D.A.T.A., และระบบระบุตัวตน CARV ID/Agent ID (ERC-7231) ทั้งหมดนี้ทำให้สามารถสร้าง AI Beings ที่ตรวจสอบได้ มีการยินยอมอย่างชัดเจน และสามารถเรียนรู้ ปรับตัว และสร้างสรรค์ร่วมกับผู้ใช้ได้จริง
ด้วยโครงสร้างที่เน้น AI เป็นศูนย์กลาง แอปพลิเคชันที่พัฒนาโดย CARV Labs จึงสามารถเปิดตัวได้ทั้งบน Google Play, App Store และแพลตฟอร์มอื่น ๆ เข้าถึงผู้ใช้หลักพันล้านคนทั่วโลก นำประสบการณ์ที่ขับเคลื่อนโดย AI Agents และระบบแรงจูงใจในโลกจริง มาสู่ชีวิตดิจิทัลอย่างเป็นรูปธรรม
จนถึงปัจจุบัน มีการออก CARV ID มากกว่า 8 ล้านรายการ, มี Node ตรวจสอบ (Verifier Node) มากกว่า 60,000 ตัว และเชื่อมต่อกับเกมกว่า 1,000 เกม ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยเชื่อมโยงโลกของ AI Agent, โครงสร้าง Web3 และการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน เข้าด้วยกัน จนเกิดเป็นเศรษฐกิจใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยเอเจนต์
ที่หัวใจของระบบนี้คือ โทเค็น $CARV ซึ่งใช้ในระบบ Staking, การกำกับดูแล (Governance) และการประสานงานระหว่างองค์ประกอบต่าง ๆ ทั้งหมด ทำให้ CARV กลายเป็นระบบปฏิบัติการของ AI Beings ในโลก Web3 อย่างแท้จริง
หากใครสนใจ สามารถติดตามข่าวสารและอัปเดตของ CARV ได้ทาง X, Discord และ Telegram หรือเข้าไปศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ Whitepaper ของ CARV

