ในขณะที่ Bitcoin สามารถหลุดพ้นจากแรงกดดันทางภูมิรัฐศาสตร์ และฟื้นตัวเหนือระดับ 110,000 ดอลลาร์ในช่วงสั้น ๆ หุ้นของ Circle หรือ CRCL ที่เพิ่งเข้าตลาด NYSE ไปเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน กลับกลายเป็น “ม้ามืดตัวจริง” ที่วิ่งแซงทุกเหรียญ ด้วยผลตอบแทนที่พุ่งทะยานกว่า 472% เมื่อเทียบกับ BTC
ข้อมูลจาก Arthur Hayes อดีต CEO ของ BitMEX เปิดเผยว่า หลังจาก Circle เปิดตัว IPO ที่ราคา $31 ราคาหุ้นก็พุ่งไม่หยุด จนล่าสุดใกล้แตะระดับ $200 ดันมูลค่าตลาดรวมทะลุ $45,000 ล้าน ภายในเวลาอันสั้น ปรากฏการณ์นี้สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า นักลงทุนกำลังเทใจให้กับ “โครงสร้างพื้นฐานทางการเงินแบบถูกกฎหมาย” ที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัล มากกว่าเหรียญที่ผันผวนแรงอย่าง Bitcoin
แรงขับเคลื่อนสำคัญของราคาหุ้น CRCL เกิดขึ้นในช่วงกลางเดือนมิถุนายน หลังวุฒิสภาสหรัฐฯ ผ่านร่าง GENIUS Act ซึ่งเป็นกฎหมายระดับชาติที่วางกรอบกำกับดูแล Stablecoin ที่อิงกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และแน่นอนว่า Circle ผู้ออกเหรียญ USDC คือผู้ได้รับอานิสงส์โดยตรงจากการเปิดไฟเขียวของกฎหมายฉบับนี้
ในทางกลับกัน Bitcoin กลับไม่ได้รับแรงสนับสนุนจากฝั่งนโยบายมากนักในช่วงเดียวกัน เนื่องจากความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลและอิหร่านกดดันให้นักลงทุนลดความเสี่ยง ทำให้ราคาหล่นลงไปแตะ ต่ำกว่า $100,000 ชั่วคราว แม้ว่าหลังจากนั้นจะดีดกลับขึ้นมายืนได้ใกล้ ๆ $110,000 ก็ตาม
สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ความต่างระหว่างสองสินทรัพย์นี้กำลังสะท้อนพฤติกรรมของตลาดยุคใหม่ ที่ไม่มองแค่ตัวเหรียญคริปโตอีกต่อไป แต่มองไปถึง “โครงสร้างพื้นฐาน” ที่อยู่เบื้องหลัง โดยเฉพาะโปรเจกต์ที่สามารถเดินเกมร่วมกับรัฐบาลได้อย่างแนบเนียน ในยุคที่ Donald Trump กลับมาและเปิดทางให้กับวงการ
หาก Circle สามารถรักษาทิศทางนี้ไว้ได้ต่อเนื่อง เราอาจได้เห็นโมเดลใหม่ของ “การลงทุนในคริปโต” ที่เปลี่ยนจากการซื้อเหรียญ ไปสู่การลงทุนใน หุ้นของบริษัทที่ควบคุมเสถียรภาพของระบบ Stablecoin แทน และนั่นอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ Bitcoin ต้องระวัง เพราะตลาดกำลังให้คุณค่ากับ “ความมั่นคง” มากกว่า “ความไร้ศูนย์กลาง”
- ที่มาข่าว: cryptoslate
- ที่มาภาพ:jorunalducoin