ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกจดหมายแจ้งอย่างเป็นทางการ ถึงผู้นำของ 14 ประเทศ เพื่อแจ้งว่า รัฐบาลสหรัฐฯจะมีการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าของแต่ละประเทศในอัตราใหม่ เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมนี้
ทรัมป์ ได้โพสต์จดหมายเหล่านี้ลงบน Truth Social เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ที่ผ่านมา พร้อมเรียกว่าเป็นจดหมายที่น่ารัก และเป็นก้าวสำคัญสู่มิตรภาพที่แน่นแฟ้น
ตามข้อมูลบน Truth Social พบว่า ทรัมป์ได้ส่งจดหมายให้กับประเทศญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มาเลเซีย คาซัคสถาน แอฟริกาใต้ ลาว และเมียนมาเป็นกลุ่มแรก และตามมาด้วย บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา ตูนิเซีย อินโดนีเซีย บังกลาเทศ เซอร์เบีย กัมพูชา และประเทศไทย
ที่มา : Donald Trump (Truth Social)
จดหมายแต่ละประเทศ ระบุอัตราภาษีนำเข้าที่แตกต่างกัน โดยญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มาเลเซีย คาซัคสถาน และตูนิเซีย โดนภาษี 25%, แอฟริกาใต้และบอสเนีย โดนภาษี 30%, อินโดนีเซีย โดนภาษี 32% ,บังกลาเทศและเซอร์เบีย โดนภาษี 35% ส่วนกัมพูชาและไทยจะโดนเก็บภาษีสูงถึง 36% และประเทศที่โดนเก็บภาษีสูงที่สุดคือ ลาวกับเมียนมา ที่ 40%
ในจดหมายของทรัมป์ ยังมีคำเตือนด้วยว่า หากประเทศใด ตัดสินใจตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษี สหรัฐฯ ก็จะเพิ่มอัตราภาษีของตนในระดับเท่ากัน บวกกับ 25% ที่ตั้งไว้ทันที
และหากมีการหลีกเลี่ยงภาษี โดยการส่งสินค้าผ่านประเทศอื่น ก็จะโดนภาษีในอัตราสูงสุดเช่นกัน
ทรัมป์ ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหาร เพื่อขยายเส้นตายเดิมจากวันพุธที่แล้ว (ที่เคยกำหนดให้ภาษีสูง เริ่มมีผล) ไปเป็นวันที่ 1 สิงหาคมแทน เพื่อให้ประเทศต่าง ๆ ที่ได้รับจดหมาย มีเวลาต่อรองในการเจรจาเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย
โฆษกทำเนียบขาว Karoline Leavitt ยืนยันว่า จะมีประกาศเกี่ยวกับภาษีตามมาอีกหลายฉบับ การขยายเวลาในครั้งนี้เป็นการต่ออายุมาตรการหยุดเก็บภาษีชั่วคราวที่ โดนัลด์ ทรัมป์ เคยประกาศไว้เมื่อวันที่ 9 เมษายน ซึ่งเดิมลดภาษีเหลือเพียง 10% เป็นเวลา 90 วัน และกำลังจะหมดอายุลงในสัปดาห์นี้
ก่อนหน้านี้ในเดือนเมษายน ทรัมป์ได้เปิดตัว“วันปลดปล่อยภาษี” ที่เก็บภาษีกับญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ในอัตรา 24% และ 25% ตามลำดับ ซึ่งตอนนี้อัตราภาษีใหม่ก็แทบจะเท่าเดิม แต่เพิ่มประเทศเป้าหมายที่เก็บภาษี และเงื่อนไขที่เข้มงวดมากขึ้น
ทรัมป์ให้เหตุผลว่า สหรัฐฯ จำเป็นต้องใช้มาตรการเหล่านี้ เพื่อลดการขาดดุลการค้าที่เรื้อรัง เช่น ญี่ปุ่นมีตัวเลขขาดดุลการค้าสูงถึง 68.5 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024 ส่วนเกาหลีใต้ก็ขาดดุลอยู่ที่ 66 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่ประเทศเล็กอย่างเมียนมา ก็ยังขาดดุลที่ประมาณ 579.3 ล้านดอลลาร์
แม้นักเศรษฐศาสตร์หลายคนจะยังถกเถียงกันว่า “การขาดดุล” เป็นปัญหาจริงหรือไม่ แต่รัฐบาลทรัมป์ไม่สนใจข้อโต้แย้งนั้น และเดินหน้านโยบายนี้ต่ออย่างเต็มที่
จดหมายทุกฉบับ ยังเปิดทางให้แต่ละประเทศสามารถหลุดพ้นจากมาตรการภาษีนี้ได้ หากยกเลิกอุปสรรคทางการค้า และภาษีทั้งหมด
ทรัมป์ยังระบุด้วยว่า ภาษีเหล่านี้สามารถปรับขึ้นหรือลงได้ ขึ้นอยู่กับ “ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของเรา” และลงท้ายจดหมายแต่ละฉบับด้วยประโยคว่า “คุณจะไม่มีวันผิดหวังกับสหรัฐอเมริกา”
ที่มา : cryptopolitan

