<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

“ลวงโลกคริปโต!” ไลฟ์สดตัดหินจากเวียดนาม หลอกคนให้โอนเงินผ่านเหรียญปลอม

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

เบื้องหลังภาพหนุ่มสาวที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว มีรถหรูขับ มีบ้านหลังใหญ่โตจากการ “รวยทางลัด” ในโลกคริปโต คือ “โศกนาฏกรรม” ของคนนับแสนที่ต้องสูญสิ้นเงินเก็บทั้งชีวิต นี่คือเรื่องราวของขบวนการต้มตุ๋นยุคดิจิทัลในเวียดนามที่หยั่งรากลึกเป็นปัญหาสังคมและทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า

วันนี้เราจะโฟกัสไปที่แฟนเพจที่ใช้ชื่อปลุกเร้าความหวังอย่าง “Da May Man” (หินนำโชค), “Da Ngoc Tho” (หยกดิบ) ไปจนถึง “Do Trang Suc Giau Co” (เครื่องประดับแห่งความมั่งคั่ง) ซึ่งทั้งหมดนี้คือฉากหน้าของขบวนการหลอกลวงที่ตำรวจจังหวัดกว๋างนิญเพิ่งเข้าทลายไปเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคมที่ผ่านมา 

เทคนิคหลักของแก๊งนี้คือ การจัดไลฟ์สตรีมที่ดูสมจริงและน่าตื่นเต้น โดยนำเสนอการ “ตัดหินเพื่อค้นหาหยก” ซึ่งเป็นเกมที่สร้างความรู้สึกร่วมและลุ้นระทึกให้กับผู้ชมอย่างมาก พวกเขาจะหลอกล่อให้ผู้ที่หลงเชื่อ จ่ายเงินเพื่อเดิมพันว่าหินก้อนนั้นจะมีหยกมูลค่าสูงซ่อนอยู่หรือไม่ ถ้าเดิมพันถูก ก็ได้กำไร ได้หยกส่งตรงถึงบ้าน แต่เมื่อเหยื่อโอนเงินไปแล้ว เงินเหล่านั้นก็จะถูกเชิดไปในทันทีโดยที่ไม่มีการค้นหาหยกใดๆ เกิดขึ้นจริง


เบื้องหลังการทำงานของขบวนการไลฟ์สดหยก

เบื้องหลังขบวนการสแกมเมอร์ที่ดูเหมือนจะเป็นกลลวงง่าย ๆ มีโครงสร้างองค์กรที่ซับซ้อนไม่ต่างจากบริษัทใหญ่ ๆ เลย ขบวนการนี้นำโดย ตรัน ถิ จิ (Tran Thi Chi) และ หวู วัน ไฮ (Vu Van Hai) ซึ่งร่วมมือกับผู้บงการชาวจีน พวกเขาลงทุนถึงขั้นเช่าบ้านหลังหนึ่งในประเทศจีนเพื่อใช้เป็นฐานบัญชาการใหญ่ในการดำเนินงาน จากนั้นจึงประกาศรับสมัครคนเวียดนามไปทำงานไลฟ์สดในประเทศจีน โดยเสนอเงินเดือนที่เหมือนฝันราว 5,000-6,000 หยวนต่อเดือน เมื่อเทียบกับค่าแรงขั้นต่ำในเวียดนามแล้ว แม้หลายคนจะรู้ว่าเป็นงานหลอกชาวบ้าน ด้วยเงินเดือนขนาดนี้ บางคนก็อาจจะยอมทำ 

ภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือน เครือข่ายนี้ได้หลอกลวงผู้คนไปแล้วเกือบ 100,000 ครั้ง และสร้างความเสียหายให้กับเหยื่อเป็นมูลค่ามหาศาลถึงหลายแสนล้านดอง

แต่นี่เป็นเพียงยอดของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น กลลวงที่ซับซ้อนกว่านั้นปรากฏในคดีของ “Mr Pips” TikToker ชื่อดังเมื่อปลายปี 2024 ที่ยกระดับการต้มตุ๋นไปอีกขั้นด้วยการสร้างภาพลักษณ์แบบองค์กรมืออาชีพ เขาเปิดสำนักงานถึง 44 แห่งทั่วประเทศ จ้างพนักงานนับพันคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาที่ถูกล่อด้วยความฝันพื้นฐานของ First jobber ที่อยากจะทำงานในบริษัทใหญ่ สวัสดิการดี เงินเดือนสูง 


ภาพ Mr Pips 

แต่แน่นอนว่าความฝันเหล่านี้ไม่มีจริง พวกเขาถูกจ้างมาเพื่อหลอกลวงเหยื่ออย่างเป็นระบบ เครือข่ายนี้ใช้โมเดลแชร์ลูกโซ่ที่สมบูรณ์แบบ คือการนำเงินจากนักลงทุนรายใหม่มาจ่ายดอกเบี้ยมหาศาลให้กับรายเก่า สร้างวงจรเงินหมุนที่ดูเหมือนจะไม่มีวันจบสิ้น ก่อนที่ทุกอย่างจะพังทลายลง ทิ้งไว้เพียงเหยื่อกว่า 2,661 ราย และทรัพย์สินที่ถูกอายัดมูลค่ามหาศาลกว่า 5,200 พันล้านดอง หรือประมาณ 6,240,000 บาท

คลื่นแห่งความหวังที่แฝงไปด้วยอันตรายนี้ไม่ได้หยุดอยู่แค่ในเมืองใหญ่ แต่ยังซัดสาดไปถึงพื้นที่ชนบท ในเดือนสิงหาคม 2024 ผู้สูงอายุในจังหวัดบั๊กซางถึงกับล้มทั้งยืน เมื่อเงินเก็บทั้งชีวิตที่นำไปลงทุนกับเหรียญ DigiByte (DGB) ได้มลายหายไปในพริบตาพร้อมกับระบบที่ปิดตัวลง เช่นเดียวกับเหยื่ออีกหลายพันคนที่หมดตัวไปกับแอปพลิเคชัน Speeding.vip ที่เข้ามาพร้อมคำสัญญาผลตอบแทนรายวันที่สูง 


ภาพจับกุมนายเทิน วัน ถว่าย และทีมงาน speeding.vip ที่ฮานอย 

ทั้งสองโปรเจกต์ปลอมนี้มีจุดร่วมกันอยู่หลายอย่าง พวกเขามีแอปพลิเคชันและระบบนิเวศคริปโตเป็นของตัวเอง มีข้อมูลธุรกรรมปลอมในระบบ เพื่อทำให้นักลงทุนรู้สึกว่าเหรียญของตนมีการซื้อขายและมีสภาพคล่องจริงในระดับโลก ซึ่งแน่นอนว่ามันคือภาพลวงเท่านั้น

ด้านผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายอย่างนายฮว่าง ตุง ได้ออกมาตอกย้ำความจริงอันโหดร้ายว่า ในเวียดนามยังไม่มีสกุลเงินดิจิทัลใดที่ถูกกฎหมายและได้รับการคุ้มครอง นักลงทุนต้องแบกรับความเสี่ยงทั้งหมดด้วยตนเอง และโอกาสที่จะได้เงินคืนนั้นแทบจะเป็นศูนย์ คำพูดของเขาเปรียบเสมือนเสียงเตือนจากความเป็นจริงที่สวนทางกับฝันลมๆ แล้งๆ ที่เหล่ามิจฉาชีพสร้างขึ้น 

แต่แน่นอนว่ามันอาจจะไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไหร่นัก เพราะกลลวงของมิจฉาชีพนั้นซับซ้อนและแยบยลกว่าคำพูดของผู้เชี่ยวชาญ มิจฉาชีพหากินกับความหวังที่จะ “รวยทางลัด” ของชาวบ้านตาสีตาสา โดยเฉพาะในประเทศที่ค่าแรงไม่ได้สูงมากนักอย่างเวียดนาม ภาพความฝันเพียงเล็กน้อยที่จะเปลี่ยนชีวิตในพริบตาก็สามารถล่อลวงให้เหยื่อติดกับได้ไม่ยาก

นายเดียป นัง บินห์ ทนายความอีกท่านหนึ่งเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งสร้างกรอบกฎหมายที่ชัดเจน ควบคู่ไปกับการสร้างความตระหนักรู้ให้แก่ประชาชน เพราะบทเรียนจากคดีเหล่านี้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าโศกนาฏกรรมเหล่านี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทิ้งไว้เพียงบ้านที่ว่างเปล่า ครอบครัวที่แตกสลาย และบาดแผลทางใจที่ยากจะลบเลือน

ในโลกที่เทคโนโลยีหมุนไปไม่หยุดนิ่ง ความรู้และความระมัดระวังอาจเป็นเกราะป้องกันที่ดีที่สุด และตราบใดที่กฎหมายยังไล่ตามกลโกงไม่ทัน การป้องกันตัวเองคือบทเรียนแรกและสำคัญที่สุด เพื่อไม่ให้ก้าวเดินไปสู่ฝันร้ายทางการเงิน

ที่มา: vietnamnet