ในปี 2025 แนวคิด “ คริปโต = โลกไร้พรมแดน” กำลังมาแรง ในหมู่นักลงทุนทั่วโลก ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหลายประเทศถึงเริ่มเปิดไฟเขียวให้ใช้ Bitcoin, Ether หรือแม้แต่ Stablecoin ในการขอสัญชาติ หรือสมัคร Golden Visa ได้แล้ว ไม่ว่าจะยื่นตรงกับรัฐหรือผ่านเอเจนซี่ที่ได้รับอนุญาตก็ตาม
แม้หลายรัฐบาลจะยังอยากได้เงินลงทุนเป็นสกุลหลักอย่างดอลลาร์หรือยูโร แต่เอเจนซี่บางแห่งก็เปิดรับคริปโตโดยตรงแล้วจัดการแปลงให้เป็นสกุลท้องถิ่นแทน ทำให้สายคริปโตไม่ต้องลำบากขายเหรียญเอง แค่โอนเหรียญก็เดินเรื่องได้เลย สะดวกแบบสุด ๆ
บทความนี้ สยามบล็อกเชนจะพาไปสำรวจ 4 ประเทศที่ยอมรับคริปโตสำหรับการย้ายถิ่นฐานที่น่าจับตามอง มาดูกันว่ามีประเทศไหนเปิดประตูต้อนรับสายคริปโตบ้าง
1. วานูอาตู (Vanuatu) : ซื้อสัญชาติด้วยคริปโต
ผ่านโครงการ Development Support Program (DSP) ของรัฐบาล ผู้สมัครเดี่ยวต้องบริจาคขั้นต่ำ $130,000 หรือ $180,000 สำหรับครอบครัว 4 คน กระบวนการนี้ใช้เวลาประมาณ 30–60 วัน ซึ่งถือว่าเร็วที่สุดในโลก
แม้รัฐบาลจะไม่รับคริปโตโดยตรง แต่ตัวแทนที่ได้รับใบอนุญาตสามารถรับ Bitcoin หรือ Stablecoin และแปลงเป็นสกุลเงิน Fiat เพื่อดำเนินการทุกขั้นตอนให้คุณได้
จุดเด่น
- ไม่ต้องเข้าประเทศหรือสอบภาษา
- ไม่มีภาษีจากรายได้, มรดก หรือกำไรจากเงินทุน
- ถือสองสัญชาติได้
- สามารถใช้เดินทางได้กว่า 90 ประเทศแบบไม่ต้องขอวีซ่า (แต่กำลังอยู่ระหว่างทบทวนสิทธิ์เข้า Schengen)
- เหมาะกับผู้ก่อตั้งบริษัท Web3 หรือนักลงทุนที่ต้องการความเป็นส่วนตัวและความคล่องตัวระดับโลก
2. โดมินิกาและเซนต์ลูเซีย: รับคริปโตเพื่อขอสัญชาติแคริบเบียน
- โดมินิกา: ต้องบริจาคขั้นต่ำ $200,000
- เซนต์ลูเซีย: สำหรับเงินบริจาค ต้องบริจาคขั้นต่ำ $240,000 หรือ $300,000 สำหรับการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
ทั้งสองประเทศนี้มีข้อเสนอที่น่าสนใจคือ พาสปอร์ตที่ทรงพลัง และสามารถดำเนินการทุกขั้นตอนผ่านช่องทางออนไลน์ได้เลย โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องเดินทางเข้าไปในประเทศ
คริปโตที่รับ: ตัวแทนหลายราย (เช่น Apex Capital, Citizenship Bay) รับ Bitcoin และ USDT แปลงเป็น Fiat เพื่อนำส่งให้รัฐบาล
ข้อดี:
- สมัครได้ทั้งครอบครัว
- พาสปอร์ตเดินทางได้ทั่วโลก (EU, UK, สิงคโปร์ ฯลฯ)
- ไม่ต้องสอบภาษา
ข้อควรระวัง:
- มีกระบวนการตรวจสอบประวัติอย่างเข้มงวด
- พาสปอร์ตจากบางประเทศ อาจถูกตรวจสอบเข้มงวดเป็นพิเศษในบางจุดหมายปลายทาง
3. โปรตุเกส: Golden Visa ด้วยเงินลงทุนจากคริปโต
Golden Visa ของโปรตุเกสอนุญาตให้พำนักระยะยาว และมีสิทธิขอสัญชาติได้ในอนาคต ภายใน 5–10 ปี โดยถือวีซ่า 5 ปี (อาจเปลี่ยนเป็น 10 ปีในอนาคต) ก่อนขอสัญชาติ ซึ่งต้องใช้เงินลงทุนขั้นต่ำ 500,000 ยูโร ในกองทุนที่ได้รับอนุมัติจาก CMVM
แม้จะไม่รับคริปโตโดยตรง แต่มี กองทุนที่เกี่ยวกับคริปโต เช่น
- Bitcoin Venture Funds
- Golden Crypto Fund (ผสมตราสารหนี้ + Bitcoin)
- ข้อเสนอ “ลงทุน 3 BTC” สำหรับผู้ถือครอง Bitcoin
จุดเด่น
- อยู่เพียง 7 วันในปีแรก, และ 14 วันทุก 2 ปี
- ภาษีคริปโตที่เป็นมิตร (ไม่เก็บกำไรระยะยาว)
- เปิดรับแบบทั้งครอบครัว
- มีสิทธิพำนักในสหภาพยุโรป(EU) และการขอสัญชาติในอนาคต
ข้อเสียคือ อาจต้องรอคิวนาน (เกิน 12 เดือน) และต้องแปลงคริปโตเป็นยูโร ผ่านผู้ให้บริการที่ได้รับอนุญาต
4. เอลซัลวาดอร์: Freedom Visa สัญชาติคริปโตเต็มรูปแบบ
โครงการใหม่ล่าสุดจากรัฐบาลเอลซัลวาดอร์ที่เปิดรับการลงทุน $1 ล้าน ด้วย Bitcoin หรือ USDT เพื่อแลกกับสิทธิพำนักและเร่งขอสัญชาติ ซึ่งเปิดรับจำนวนจำกัด ปีละ 1,000 คนเท่านั้น
รายละเอียด:
- สมัครด้วยเงินฝากเริ่มต้น $999 (ไม่คืนเงิน)
- หลังอนุมัติ ต้องลงทุนเพิ่มอีก $999,001 ผ่านแพลตฟอร์มของ Tether
- ไม่มีเงื่อนไขการอยู่จริง
- กระบวนการเร็ว – ใช้เวลาราว 6 สัปดาห์ จนถึงการอนุมัติเบื้องต้น
- รวมครอบครัวได้ทั้งหมด
ถือเป็นโครงการเดียวในโลก ที่รองรับ “พาสปอร์ตด้วย Bitcoin โดยตรง” โดยไม่ต้องแปลงเป็นเงินสด
เปรียบเทียบโปรแกรมการย้ายถิ่นฐานด้วยคริปโต (ปี 2025)
อย่างที่ทราบกันดีว่า ปัจจุบันหลายประเทศได้เสนอโอกาสในการได้รับสถานะพลเมืองหรือสิทธิพำนักถาวร แลกกับการลงทุนโดยใช้คริปโตเคอร์เรนซี ตั้งแต่เส้นทางสู่การได้รับสัญชาติแบบเร่งด่วนในวานูอาตูและเอลซัลวาดอร์ ไปจนถึงเส้นทางพำนักระยะยาวในโปรตุเกสและคาซัคสถาน
โดยมีเกณฑ์การลงทุนที่แตกต่างกันไป ตั้งแต่ 100,000 ดอลลาร์ไปจนถึง 1 ล้านดอลลาร์ พร้อมเงื่อนไขด้านระยะเวลา และวิธีการยอมรับคริปโตที่หลากหลาย
นี่คือสรุปย่อ ของโปรแกรมการย้ายถิ่นฐานที่ดำเนินการโดยใช้คริปโต ซึ่งเสนอโดยบริษัทเหล่านี้

ที่มา : cointelegraph

