หน่วยงานกำกับดูแลทางการเงิน (FCA) ร่วมกับตำรวจนครบาลของสหราชอาณาจักร ได้บุกเข้ายึดตู้ ATM คริปโตจำนวน 7 เครื่อง และจับกุมผู้ต้องสงสัย 2 รายในข้อหาฟอกเงินและดำเนินธุรกิจแลกเปลี่ยนคริปโตเคอร์เรนซีอย่างผิดกฎหมายทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงลอนดอนเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา การเคลื่อนไหวครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่ฝ่ายนิติบัญญัติในสหรัฐอเมริกากำลังผลักดันกฎหมายเพื่อควบคุมตู้ ATM คริปโตอย่างเข้มงวดเช่นกัน
ทางการสหราชอาณาจักรได้ย้ำจุดยืนที่ชัดเจนว่า นับตั้งแต่มกราคม 2021 ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับคริปโตทั้งหมดจะต้องลงทะเบียนกับ FCA และปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านการต่อต้านการฟอกเงิน ซึ่งในปัจจุบัน ยังไม่มีตู้ ATM คริปโตที่ถูกกฎหมายแม้แต่เครื่องเดียวในสหราชอาณาจักร และการดำเนินการหรือใช้งานตู้ ATM เหล่านี้ถือเป็นความผิดทางอาญา “หากคุณกำลังดำเนินธุรกิจตู้ ATM หรือ Exchange คริปโตอย่างผิดกฎหมาย คุณก็ควรจะคาดหวังถึงผลลัพธ์ที่ร้ายแรงตามมา” นาง Therese Chambers ผู้อำนวยการฝ่ายบังคับใช้กฎหมายของ FCA กล่าว “ปัจจุบันยังไม่มีตู้ ATM คริปโตที่ถูกกฎหมายในสหราชอาณาจักร ดังนั้นการใช้งานตู้เหล่านี้จึงเท่ากับเป็นการสนับสนุนอาชญากรรม”
ขณะเดียวกันที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นที่ตั้งของตู้ ATM Bitcoin ถึง 78.4% ของทั้งโลก ก็กำลังมีการเคลื่อนไหวครั้งสำคัญเพื่อจัดการกับปัญหาการหลอกลวงที่เกี่ยวข้องกับตู้คีออสก์เหล่านี้ ในรัฐวิสคอนซิน ได้มีการเสนอร่างกฎหมายใหม่เพื่อสร้างมาตรการป้องกันการฉ้อโกง, ค่าธรรมเนียมแอบแฝง และการตั้งราคาที่ไม่เป็นธรรม “เราจำเป็นต้องดำเนินการเพื่อหยุดยั้งไม่ให้ชาววิสคอนซินถูกหลอกลวง” นาง Kelda Roys วุฒิสมาชิกรัฐผู้เสนอร่างกฎหมายกล่าว
การหลอกลวงผ่านตู้ ATM คริปโตมักจะอยู่ในรูปแบบของฟิชชิ่ง โดยมิจฉาชีพจะแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ, เจ้าหน้าที่รัฐ หรือบริษัทสาธารณูปโภค เพื่อหลอกให้เหยื่อส่งคริปโตไปให้ โดยมักจะพุ่งเป้าไปที่กลุ่มผู้สูงอายุและผู้ที่เปราะบาง รายงานจาก FBI ระบุว่า ในปี 2023 เพียงปีเดียว เหยื่อได้สูญเสียเงินไปกับสแกมที่เกี่ยวข้องกับตู้ ATM คริปโตเป็นมูลค่าสูงถึง 247 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ในระดับรัฐบาลกลางของสหรัฐฯ วุฒิสมาชิก Dick Durbin ก็ได้เสนอร่างกฎหมาย “The Crypto ATM Fraud Prevention Act” เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2025 ซึ่งหากผ่านการอนุมัติ จะบังคับให้ตู้ ATM ทั่วประเทศต้องแสดงคำเตือนเกี่ยวกับการหลอกลวง, จำกัดวงเงินการทำธุรกรรมสำหรับลูกค้าใหม่ และเสนอการคืนเงินเต็มจำนวนให้กับเหยื่อที่รายงานการฉ้อโกงภายใน 30 วัน การเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นพร้อมกันทั้งสองฟากฝั่งของมหาสมุทรแอตแลนติกนี้ จึงเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าหน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลกกำลังหันมาจัดการกับช่องโหว่ของตู้ ATM คริปโตอย่างจริงจังมากขึ้น

ที่มา: cointelegraph

