อินโดนีเซียเตรียมบังคับใช้มาตรการเก็บภาษีใหม่ที่สูงขึ้นสำหรับธุรกรรมสกุลเงินดิจิทัลตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม โดยเฉพาะการซื้อขายผ่านแพลตฟอร์มต่างประเทศ ซึ่งจะต้องเสียภาษีในอัตราที่สูงขึ้นอย่างมาก ตามรายงานของสำนักข่าว Reuters เมื่อวันพุธที่ผ่านมา
ตามกฎใหม่ที่ออกโดยกระทรวงการคลัง อินโดนีเซียจะเก็บภาษีจากผู้ขายคริปโตที่ใช้งานแพลตฟอร์มในประเทศ ในอัตรา 0.21% ของมูลค่าธุรกรรม (เพิ่มขึ้นจากเดิมที่เก็บ 0.1%)
ขณะที่ผู้ขายที่ใช้งานแพลตฟอร์มต่างประเทศ จะต้องเสียภาษีหนักกว่าจาก 0.2% เป็น 1% หรือเพิ่มขึ้นถึง 5 เท่า
อย่างไรก็ตาม ข่าวดีคือ ฝั่งผู้ซื้อคริปโตจะไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) อีกต่อไป ซึ่งจากเดิมทีผู้ซื้อคริปโตจะต้องจ่าย VAT อยู่ในช่วงระหว่าง 0.11% ถึง 0.22%
ในขณะเดียวกัน ภาคธุรกิจเหมืองคริปโตในอินโดนีเซียก็จะต้องเผชิญภาระภาษีที่สูงขึ้นเช่นกัน โดย VAT จะถูกเพิ่มจาก 1.1% เป็น 2.2%
นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีแผนจะยกเลิกอัตราภาษีเงินได้ที่เคยเป็นอัตราพิเศษ สำหรับกิจกรรมเหมืองคริปโตที่เคยอยู่ที่ 0.1% ภายในปี 2026 ซึ่งหมายความว่า รายได้จากการขุดคริปโตจะต้องเสียภาษีในอัตราปกติเช่นเดียวกับบุคคลธรรมดาหรือบริษัททั่วไป
แม้อินโดนีเซียจะเพิ่มภาระทางภาษี แต่ก็ยังคงเป็นตลาดที่น่าดึงดูด โดยเมื่อเดือนที่แล้ว บริษัท OSL จากฮ่องกงเพิ่งประกาศปิดดีลเข้าซื้อกิจการมูลค่า 15 ล้านดอลลาร์ เพื่อซื้อหุ้น 90% ในบริษัท Evergreen Crest ผู้ให้บริการกระดานเทรดคริปโตในอินโดนีเซีย
บริษัท OSL กล่าวในเอกสารที่ยื่นต่อหน่วยงานกำกับดูแลว่า “อินโดนีเซียมีปัจจัยพื้นฐานที่เหมาะสมต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมนี้ ทั้งจำนวนประชากรและวัยหนุ่มสาวที่มาก เศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง และอัตราการยอมรับคริปโตที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว”
ที่มา : theblock

