รัฐบาลฟิลิปปินส์ประกาศเปิดตัวระบบตรวจสอบและรับรองเอกสารราชการด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชนบน Polygon ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับความโปร่งใสและความปลอดภัยของข้อมูลภาครัฐ แม้ในวันเปิดตัวเครือข่าย Polygon จะประสบปัญหาขัดข้องชั่วคราว ระบบใหม่นี้มุ่งเน้นการป้องกันการปลอมแปลงเอกสารราชการและลดความเสี่ยงจากเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่าง AI และ deepfake ที่อาจทำให้ผู้ไม่หวังดีสร้างเอกสารปลอมได้ง่ายขึ้น
Maria Francesca Montes Del Rosario รัฐมนตรีช่วยกระทรวงงบประมาณและการจัดการ (DBM) โพสต์ประกาศผ่าน Facebook ว่า Government Blockchain Transparency เริ่มใช้งานแล้ว โดยระบุว่ารัฐบาลฟิลิปปินส์กำลังใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยอย่าง AI, blockchain และการถ่ายภาพดาวเทียม เพื่อพัฒนาระบบการทำงานของนโยบายสาธารณะและการบริหารจัดการให้โปร่งใสและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ขณะเดียวกัน Paul Soliman ซีอีโอของ Bayanichain บริษัทผู้พัฒนาระบบ ย้ำว่าความร่วมมือระหว่าง DBM และ Bayanichain ถือเป็นมาตรฐานใหม่ของความโปร่งใสและความรับผิดชอบด้านการเงินภาครัฐ เนื่องจากจะสามารถติดตามเอกสารงบประมาณและเส้นทางการจัดสรรงบได้อย่างต่อเนื่อง
วิธีการทำงานของระบบนี้คือการนำข้อมูลสำคัญของเอกสาร เช่น Special Allotment Release Order (SARO) หรือ Notice of Cash Allocation (NCA) ไปสร้างเป็น hash ซึ่งเป็นรหัสอักษรและตัวเลขแบบคงที่ที่ไม่สามารถแก้ไขได้ ก่อนจะบันทึกลงบนบล็อกเชน Polygon ทำให้เอกสารมีหลักฐานยืนยันถาวรและโปร่งใสต่อสาธารณะ ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบเอกสารได้ด้วยการค้นหารหัสเอกสารหรือสแกน QR Code บนเว็บไซต์ทางการของรัฐบาล เพื่อยืนยันว่าเอกสารดังกล่าวถูกต้องและตรงกับข้อมูลต้นฉบับ
ในวันเดียวกับที่ฟิลิปปินส์เปิดตัวระบบนี้ เครือข่าย Polygon Heimdall v2 mainnet เกิดปัญหา “consensus bug” ทำให้บริการบางส่วนสะดุดเป็นเวลาประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง แม้เลเยอร์ Bor ยังคงสร้างบล็อกต่อได้และเครือข่ายไม่ได้หยุดทำงานเต็มรูปแบบ แต่บริการที่ผู้ใช้เข้าถึงได้ เช่น block explorer ไม่สามารถแสดงธุรกรรมตามปกติ ปัญหานี้ถูกแก้ไขได้ในเวลาไม่กี่ชั่วโมง แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความท้าทายของการพึ่งพาเครือข่ายบล็อกเชนสาธารณะ
แม้จะเจอเหตุการณ์สะดุดในวันแรก แต่นี่ถือเป็นก้าวย่างสำคัญของฟิลิปปินส์ในการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในภาครัฐ และลดความเสี่ยงจากการปลอมแปลงเอกสาร นโยบายนี้ยังสะท้อนความตั้งใจของรัฐบาลในการใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ และอาจกลายเป็นต้นแบบให้กับประเทศอื่น ๆ ในการปรับใช้บล็อกเชนในภาคการปกครองต่อไปในอนาคต
ที่มา: cointelegraph