ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบในวันพุธที่ผ่านมา หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับเดิม แต่สิ่งที่สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งตลาดคือคำกล่าวของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ที่ได้ส่งสัญญาณอย่างชัดเจนว่ายัง “ไม่รีบร้อน” ที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเป็นการดับความหวังของนักลงทุนที่คาดการณ์ว่าจะมีการลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายนนี้ลงอย่างสิ้นเชิง
ในการแถลงข่าวหลังการประชุม นายพาวเวลได้วางกรอบการทำงานที่ชัดเจนขึ้น โดยระบุว่าในขณะที่ตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่งและอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับที่สูงกว่าเป้าหมายเล็กน้อย การที่นโยบายการเงินยังคงมีความเข้มงวดอยู่ในระดับปานกลางจึงเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล เขาย้ำว่าความเสี่ยงที่เงินเฟ้อจะสูงเกินไปนั้นยังคงเป็นปัญหาใหญ่กว่าความเสี่ยงที่ตลาดแรงงานจะอ่อนแอลง และเฟดจะเคลื่อนไหวก็ต่อเมื่อความเสี่ยงทั้งสองด้านกลับมาสมดุลกันเท่านั้น “นี่คือเฟดที่ขึ้นอยู่กับข้อมูล” Elyse Ausenbaugh จาก J.P. Morgan Wealth Management กล่าว “และเราคาดว่าข้อมูลจะบอกให้พวกเขาลดดอกเบี้ยในปลายปีนี้”
ท่าทีที่ถูกมองว่าเป็น “สายเหยี่ยว” (Hawkish) ของพาวเวลได้ส่งผลกระทบต่อตลาดในทันที โดยดัชนี S&P 500 ที่เคยบวกอยู่เล็กน้อยได้พลิกกลับมาร่วงลง 0.4% ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลง 0.6% ในขณะเดียวกัน ตลาดได้ปรับลดโอกาสที่จะมีการลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายนลงอย่างฮวบฮาบ จาก 65% ในวันอังคาร เหลือเพียง 48% เท่านั้นหลังจบการแถลงข่าว
ประเด็นเรื่องกำแพงภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์ก็ถูกหยิบยกขึ้นมาเช่นกัน โดยพาวเวลยอมรับว่า “อัตราเงินเฟ้อในภาคบริการยังคงชะลอตัวลง ในขณะที่กำแพงภาษีที่เพิ่มขึ้นกำลังผลักดันให้ราคาสินค้าบางประเภทสูงขึ้น” แต่ผลกระทบโดยรวมนั้น “ยังคงต้องรอดูต่อไป” ซึ่งในวันเดียวกัน ทำเนียบขาวก็ได้ออกมายืนยันการบังคับใช้กำแพงภาษี 50% ต่อสินค้านำเข้าจากบราซิล
ที่น่าสนใจคือ ในการลงมติครั้งนี้มีกรรมการเฟดถึง 2 ราย คือนาย Christopher Waller และนาง Michelle Bowman ซึ่งทั้งคู่ได้รับการแต่งตั้งโดยทรัมป์ ได้ออกเสียงคัดค้านมติ โดยเสนอให้มีการลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ซึ่งนับเป็นการออกเสียงคัดค้านมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 1993 การแตกเสียงในคณะกรรมการครั้งนี้ ประกอบกับท่าทีที่แข็งกร้าวของประธานเฟด จึงเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าเส้นทางสู่การลดอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ในปีนี้อาจจะไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างที่ตลาดเคยคาดหวังไว้
ที่มา: investors.com