ฮ่องกงเตรียมใช้มาตรการควบคุมที่เข้มงวดมากขึ้นสำหรับ Stablecoin โดยธนาคารกลางฮ่องกง (HKMA) ได้ประกาศกฎใหม่ที่กำหนดให้ทุกธุรกรรม Stablecoin ที่มีมูลค่าเท่ากับหรือเกินกว่า 8,000 ดอลลาร์ฮ่องกง ต้องผ่านการยืนยันตัวตนแบบ KYC เพื่อป้องกันอาชญากรรมทางการเงิน
การยืนยันตัวตนจะดำเนินการโดยผู้ให้บริการที่ได้รับอนุญาต 3 กลุ่ม ได้แก่ ผู้ออก Stablecoin ที่ได้รับใบอนุญาต, สถาบันการเงินหรือผู้ให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัลที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแล และบุคคลที่สามที่เชื่อถือได้

การประกาศครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคที่ผ่านมา โดย HKMA ได้นำเสนอระบบการออกใบอนุญาตสำหรับผู้ออก Stablecoin อย่างเป็นทางการ ซึ่งเปิดให้ยื่นขอใบอนุญาตได้ตั้งแต่ 1 สิงหาคม ถึง 30 กันยายนนี้ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้แน่ใจว่า Stablecoin จะถูกใช้งานอย่างมีความรับผิดชอบภายใต้กรอบกฎหมายที่ชัดเจน
HKMA ชี้แจงว่า กลไกการตรวจสอบในอุตสาหกรรมคริปโตในปัจจุบันยังไม่รัดกุมพอที่จะตรวจจับและยับยั้งการฟอกเงิน รวมถึงกิจกรรมทางอาญาอื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยเหตุนี้ ฮ่องกงจึงกำหนดให้มีการยืนยันตัวตน ตั้งแต่ก่อนการออกหรือแลกคืน Stablecoin และได้มีการเผยแพร่แนวทางปฏิบัติเพื่อต่อต้านการฟอกเงินและการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย (AML/CFT) สำหรับผู้ออก Stablecoin ที่ได้รับใบอนุญาตโดยเฉพาะ
นอกจากนี้ HKMA ยังเตือนผู้เล่นในตลาดให้ระมัดระวังในการสื่อสารกับสาธารณะ เนื่องจาก การกล่าวอ้างเท็จว่าเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตหรืออยู่ระหว่างการยื่นขอใบอนุญาตถือเป็นความผิดทางกฎหมาย
ทั้งนี้ HKMA ยังไม่ได้ออกใบอนุญาตให้กับ Stablecoin ใด ๆ และจะมีการเผยแพร่รายชื่อผู้ได้รับใบอนุญาตในเว็บไซต์ของ HKMA เพื่อให้สาธารณะสามารถตรวจสอบได้
ที่มา: livebitcoinnews

