คลื่นแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์กำลังซัดเข้าสู่อุตสาหกรรมคริปโตเคอร์เรนซี หลังจากที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ ได้ออกมาส่งสัญญาณที่ชัดเจนถึงการเปลี่ยนท่าทีไปสู่การเป็นมิตรและสนับสนุนการเติบโตในประเทศอย่างเต็มรูปแบบ ส่งผลให้บริษัทคริปโตยักษ์ใหญ่หลายแห่งเริ่ม “ย้ายกลับบ้าน” มาสู่แผ่นดินอเมริกาอีกครั้ง
จุดเปลี่ยนที่สำคัญเกิดขึ้นในสุนทรพจน์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เมื่อนาย Paul Atkins ประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) ได้เรียกร้องให้ประเทศ “นำธุรกิจคริปโตที่เคยหนีออกไปกลับคืนมา” (reshore the crypto businesses that fled) ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงความพยายามของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะผลักดันให้สหรัฐฯ กลายเป็นศูนย์กลางของสินทรัพย์ดิจิทัลระดับโลก คำกล่าวนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากนาย Scott Bessent รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่ได้ประกาศว่าสหรัฐฯ ได้ก้าวเข้าสู่ “ยุคทองของคริปโต” (golden age of crypto) พร้อมทั้งส่งสารถึงนักพัฒนาทั่วโลกว่า “มาเริ่มบริษัทของคุณที่นี่ มาเปิดตัวโปรโตคอลของคุณที่นี่ และมาจ้างงานคนของคุณที่นี่”
คำเชื้อเชิญที่ทรงพลังนี้ ประกอบกับกฎระเบียบที่ชัดเจนขึ้นและการสนับสนุนทางการเมืองในระดับสูง ได้เริ่มส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรมแล้ว โดยบริษัทคริปโตระดับโลกหลายแห่งได้เริ่มเคลื่อนไหวเพื่อกลับเข้ามาหรือขยายการดำเนินงานในตลาดสหรัฐฯ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
- Nexo แพลตฟอร์มให้กู้ยืมคริปโตจากบัลแกเรีย ได้ประกาศกลับเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ อีกครั้งในเดือนเมษายน หลังจากที่ห่างหายไปนานหลายปี โดยอ้างถึงความชัดเจนด้านกฎระเบียบที่ดีขึ้น
- Deribit แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนอนุพันธ์จากเนเธอร์แลนด์ ก็มีรายงานในเดือนพฤษภาคมว่ากำลังสำรวจการเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ ขณะที่ Wintermute บริษัทซื้อขายอัลกอริทึมจากลอนดอน ก็ได้เปิดสำนักงานแห่งใหม่ในนิวยอร์กในเดือนเดียวกัน
- OKX แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนยักษ์ใหญ่ ได้กลับมาเปิดดำเนินการในสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการในเดือนมิถุนายน โดยได้จัดตั้งสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ในซานโฮเซ แคลิฟอร์เนีย
- และล่าสุดในเดือนกรกฎาคม Bitmain บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการขุดจากปักกิ่ง ก็ได้ประกาศแผนที่จะเปิดโรงงานผลิตเครื่องขุด ASIC แห่งแรกในสหรัฐฯ ภายในต้นปี 2026 พร้อมทั้งจะตั้งสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ในเท็กซัสหรือฟลอริดา
ไม่เพียงแต่บริษัทจากต่างชาติเท่านั้น แต่บริษัทสัญชาติอเมริกันเองก็กำลังขยายการดำเนินงานในประเทศอย่างเต็มที่เช่นกัน โดย Kraken ได้ย้ายสำนักงานใหญ่ระดับโลกไปยังเมืองไชแอนน์ รัฐไวโอมิง ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะรัฐที่เป็นมิตรต่อคริปโต ขณะที่ MoonPay ก็ได้เปิดสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ในนิวยอร์กซิตี้ และได้รับใบอนุญาตให้ดำเนินงานได้ครบทั้ง 50 รัฐแล้ว การ “ไหลกลับ” ของทั้งทุนและบุคลากรในอุตสาหกรรมคริปโตครั้งนี้ จึงเป็นสัญญาณที่ชัดเจนที่สุดว่า สหรัฐอเมริกากำลังจะกลับมาทวงบัลลังก์ศูนย์กลางนวัตกรรมทางการเงินของโลกอีกครั้ง
ที่มา: cointelegraph

